เทียบฟอร์มการ์ตูนยอดนิยมใน Boom กับ C-Kids (ฉบับสมบูรณ์)

 

  ไม่ได้เขียนบทความทำนองเปรียบเทียบมาเสียนาน ส่วนนึงก็เป็นเพราะผู้เขียนเขียนไปกลัวว่าจะมีแฟนคลับบางเรื่องตามมาดักอัด เพราะเขียนแทงใจดำเกินไป 5555....ล้อเล่นกันขำๆเน่อครับ

  บทความคราวนี้จะเป็นการเขียนเชิงเปรียบเทียบระหว่างการ์ตูนยอดฮิตเรื่องปัจจุบันที่ลงในนิตยสารการ์ตูนขายดีในบ้านเราอย่าง Boom กับ C-Kids โดยเหตุผลที่ต้องเทียบเฉพาะการ์ตูนจาก 2 นิตยสารดังกล่าว ก็เพราะว่า นิตยสารทั้ง 2 เล่มนั้น เอาการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องฮิตจากนิตยสารโชเน็นจัมป์มาลง รวมถึง ทั้งสองเล่ม ยังมีการ์ตูนไทยเรื่องสนุกประดับในเล่มด้วย

  ในส่วนบทวิจารณ์ ผู้เขียนมีคำวิจารณ์ในใจอยู่แล้ว.........แต่!!!! ก่อนที่จะให้อ่านกันนั้น เราได้ทำแบบสอบถามให้ผู้อ่านได้คลิ๊กกันก่อน

  หลังจากที่ให้ทุกท่านลองโหวตเซิร์ฟๆเรียกน้ำย่อยกันไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นบทวิจารณ์กันจริงๆจังๆซักทีละครับ
  (คำวิจารณ์ในบทความนี้ เป็นความคิดส่วนตัวของผู้เขียน อาจมีบางส่วนไม่ตรงใจแฟนๆของแต่ละเรื่อง อย่าว่ากันนะครับ และขออภัยเป็นอย่างสูงด้วย)

1.ศึกดวลการ์ตูนฮิตอันดับ 1 ของแต่ละเล่ม One Piece กับ นารุโตะ

ผลโหวต:

One Piece 146
Naruto 81

  ทั้งการ์ตูนโจรสลัด กับ การ์ตูนนินจา ต่างฝ่ายต่างก็เป็นการ์ตูนอันดับ 1 ของแต่ละนิตยสาร และเป็นคู่แข่งในการแก่งแย่งความนิยมอันดับ 1 ในนิตยสารจัมป์ด้วย จุดเด่นทั้งสองเรื่องนี้คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยฉากต่อสู้สุดมันส์ ,ฉากเรียกพลังมิตรภาพจนขนลุกซู่สุดแสนประทับใจ ,ฉากดราม่าอันแสนสุดซึ้ง ที่สำคัญทั้งสองเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนต่อสู้รุ่นพี่อย่าง ดราก้อนบอล อีกด้วย .....หากจะถามว่าเรื่องไหนดีกว่านั้น บอกตรงๆว่าตัดสินใจได้ยากเหลือเกิน เพราะมีจุดเด่นจุดด้อยไม่ต่างกันนัก แถมแฟนๆสองเรื่องก็มีอยู่เยอะ เกรงว่าหากฟันธงฉับๆเลย จะโดนแฟนคลับดักตีหัวคนเขียนแถวหน้าบ้าน (ฮา) แต่พอมาดูผลโหวตแล้ว ปรากฏว่า มีคนเทใจให้วันพีซมากกว่านารุโตะ จนแทบจะขาดลอยเลยล่ะ เป็นไปได้ว่า สิ่งหนึ่งที่วันพีซเด่นกว่านารุโตะ ก็คือ ความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งวันพีซดูจะเน้นมากกว่า ทั้งจินตนาการในการจำลองโลกของวันพีซ ซึ่งเป็นโลกของโจรสลัด ที่ให้ความสำคัญด้านการดำเนินชีวิต,สังคม,เทคโนโลยี หรือจะเป็นกลุ่มตัวละครต่างๆ รวมถึงการวางพล็อตเรื่องด้วยการปูตัวละครตัวหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะมีการเฉลยจริงในภายหลัง (สังเกตว่า บางตอนจะตัวละครตัวหนึ่งพูดชื่อตัวละครลึกลับลอยๆขึ้นมา ทำให้เป็นจุดสนใจและอยากติดตามอย่างกระชั้นชิด) อีกทั้งขนาดตัวละครบางตัวที่เหมือนจะหมดบทบาทไป แต่ก็ยังไม่หมดไปซะทีเดียว เพราะผู้เขียนคอยเฉลยเรื่องราวของพวกเขา ณ หน้าเปิดของแต่ละตอน ถือว่าน่าทึ่งเสียจริง สำหรับผู้แต่งเรื่องนี้ ที่พยายามควบคุมการ์ตูน scope กว้างเรื่องนี้ ให้เป็นไปแนวทางเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะไปมากกว่านี้ ขนาดเนื้อเรื่อง ความสัมพันธ์ตัวละครที่ดูจะไม่ข้องเกี่ยวกัน ก็ยังสามรถเอามาเชื่องโยงกันได้อย่างเนียน ให้อึ้งกันไปข้าง ในขณะที่นารุโตะ ก็ไปแนวทางเดียวเหมือนกัน เพียงแต่มีบางช่วงที่วนลูปบ้าง อาจเดินเรื่องช้ากว่าที่คนอ่านต้องการ (โดยเฉพาะนายโตะ พอเก่งสู้เขาไม่ได้ทีไร ต้องกลับไปฝึกๆๆๆ วนอยู่อย่างนี้ช่วงหนึ่ง)

  อีกทั้งจุดเด่นอีกอย่างที่วันพีซเด่นกว่านารุโตะ อย่างชัดเจน ก็คือ วันพีซขยันหยอดมุขตลกมากกว่านารุโตะ แถมมุขตลกแต่ละมุขในวันพีซ มันช่างสติแตก พาต๊อง เสียจริง พอใส่เข้าไปในเนื้อเรื่องแล้ว ทำให้วันพีซมีโทนเรื่องที่ไม่เครียดมากนัก อ่านแล้วอารมณ์ไม่สะดุด ไหลลื่น เพลิดเพลินไปเรื่อยๆ

  นอกจากนี้ หากพูดในแง่ตัวละคร วันพีซ ดูจะเน้นมากกว่า เพราะนอกจากตัวละครจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ผู้แต่งพยายามจะให้ตัวละครหลักมีบทเด่นๆสม่ำเสมอ ไม่ให้ไร้บทนานจนเกิดไป ผิดกับนารุโตะ ที่ช่วงหนึ่งปล่อยให้นารุโตะไร้บทบาท ซาสึเกะมีบทเด่นแทน แม้ว่าแฟนคลับซาสึเกะจะเฮ แต่แฟนคลับโตะไม่ปลื้ม จนถูกแฟนๆบางส่วนค่อนแคะให้เปลี่ยนชื่อเป็นนินจาซาสึเกะ ซะงั้น อย่างไรก็ดี ใช่ว่า นารุโตะ จะหายไปเฉยๆ แต่ที่หายไปเพราะไปฝึกวิชานั่นเอง(แม้ว่ากว่าจะฝึกให้เก่งได้นั้น มันช่างช้าเหลือเกิน) ผิดกับวันพีซ ที่ไม่ค่อยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกฝนการต่อสู้ของตัวละครหลักแต่ละคนซักเท่าไหร่

  โดยรวมวันพีซจะเด่นกว่าก็จริง แต่นินจานารุโตะ ไม่ต้องน้อยใจ เพราะอย่างน้อย เพราะธีมนินจาของเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับชาวต่างชาติมากกว่า แถมชาวต่างชาติให้ความสนใจมากเสียด้วย จึงทำให้ นารุโตะ ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก มากกว่า วันพีซ เสียอีก

 

2.ศึกดวลการ์ตูนมือวางอันดับรอง ของแต่ละเล่ม (แถมถูกค่อนขอดในแง่ลบมากพอๆกันในช่วงนี้)

ผลโหวต:

Reborn 94
Bleach 103

  ศึกการ์ตูนความนิยมลำดับรองจาก 2 นิตยสาร โดยทางฝั่งลาดพร้าว ส่งเหล่าแก๊งมาเฟียรูปหล่อเท่ห์เก่งเทพเข้าประกวด ส่วนทางฝั่งบางนาส่งเหล่ายมทูตชุดดำที่เก๊กหน้ามันทั้งวันทั้งคืน มาประชันกัน ทั้งสองเรื่องต่างมีจุดเด่นตรงฉากการต่อสู้สุดมันส์เว่อร์อลังการ ,ตัวละครหนุ่มเท่ห์เอาใจสาวๆเหมือนกัน ,พลังมิตรภาพในยามคับขัน มุขตลกพอฮา รวมถึง ตัวเอกสองเรื่องยังต้องลุ้นว่า ตกลงจะได้ใครเป็นนางเอก!! (ฮา) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเรื่องต่างก็โดนคนอ่านสับแหลกในช่วงหลังๆพอควร คือ รีบอร์น โดนสับในแง่ของเนื้อเรื่องที่นับวันชักทะลุโลกไปเรื่อย จากแรกเริ่มเดิมทีเป็นการ์ตูนตลกฮาต๊องแกมฝืดนิดๆ จู่ๆกลายเป็นแนวบู๊ต่อสู้(ข้ามเวลา)ไปซะงั้น ส่วนบลีชก็โดนจวกในแง่ของการดำเนินเรื่องอันยืดยาดในช่วงหลังๆ มัวแต่ไปเสียเวลา กับการต่อสู้กับตัวละครบางตัวที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลย (โดยเฉพาะพวกฟราเซี่ยนตัวประกอบทั้งหลายแหล่?) อีกทั้งพล็อตเรื่องบางจุดค่อนข้างเฝือ โดยเฉพาะพล็อตทำนอง"เจ้าชายช่วยเจ้าหญิง" ดูๆไป นึกถึงเซนต์เซย่ายังไงยังงั้นเลย (พวกอิจิโกะ = บรอนซ์เซนต์,ยมทูต 13 หน่วยพิทักษ์ = โกลด์เซนต์, อารันคาร์ = มารีนเนอร์ของโปเซดอน ,ลูเคีย / โอริฮิเมะ = อาเธน่า)

  แต่ก็เอาเถอะ หากดูจากผลโหวตแล้ว สองเรื่องนี้มีคะแนนคู่คี่สูสีไม่ห่างกันมากนัก แต่เป็นบลีชที่ได้คะแนนมากกว่านิดหน่อย ซึ่งหากจะพูดโดยรวมแล้ว บลีชจะดีกว่าตรงที่ขอบเขตของเรื่องยังไม่หลุดไปไกลมากเท่ารีบอร์น คือ อย่างน้อยเป้าหมายของบลีชยังแน่นอนตรงที่พวกยมทูตต้องกำราบเหล่าร้าย เพื่อให้โลก และ โซลโซไซตี้ สงบสุข ผิดกับรีบอร์นที่ผู้แต่งจู่ๆเปลี่ยนพล็อตเรื่อง โดยเน้นขายความเท่ห์ของบรรดาตัวละครชายเป็นหลัก พร้อมทั้งแต่งเติม เสริมนู่นนี่ใส่เนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่า เนื้อเรื่องของรีบอร์นเริ่มจะออกอาการมั่วขึ้นเรื่อยๆ!! ทำเอางานของสึนะยังไม่จบ จากที่น่าจะจบตรงที่ สึนะ ได้พิสูจน์ตัวเอง กลายเป็นหัวหน้าวองโกเล่ที่มีแต่คนยอมรับ หลังจบศึกชิงแหวน แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกคนดันหลุดไปโลกอนาคตเฉย แถมสึนะ นอกจากจะปกป้องพวกพ้อง พาทุกคนกลับโลกปัจจุบันให้ได้แล้ว ยังจะต้องโค่น เบียกคุรัน เพื่อช่วยโลกให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม บางคนก็แย้งว่า รีบอร์นไม่ได้ออกทะเล ออกนอกจักรวาล ซักหน่อย อย่าลืมนะว่า รีบอร์น เน้นธีมมาเฟียเป็นหลัก ฉะนั้นย่อมมีฉากการต่อสู้อยู่แล้ว และอีกอย่างหนึ่ง แค่เห็นพวก อัลโกบาเลโน่ ที่ตัวหดเป็นเด็กเนี่ย ยังไงมันต้องเว่อร์อยู่แล้วเช่นกัน (แต่ถึงขนาดแปรสภาพใกล้เคียงกับ ดราก้อนบอล,โปเกม่อน,ดิจิม่อน แล้วเนี่ย มันไม่เกินไปหน่อยรึ) อีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ยังมีปริศนาของอัลโกบาเลโน่แอบแฝงอยู่ จึงไม่แปลกใจที่เรื่องนี้จะต้องมีภาคอนาคตรวมอยู่ด้วย

.....แม้ว่าจะมีคนคอยบ่นเนื้อเรื่องของรีบอร์นที่ทะลุโลกไปไกล แต่อย่างน้อยก็กลายเป็นตัวช่วยเรียกเรตติ้งของผู้อ่านมากขึ้นกว่าช่วงแรกๆเสียอีก อีกทั้งคนที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ ยังคงสนับสนุนติดตามเรื่องนี้กันต่อไปด้วย.......อย่างไรก็ตาม หากจะว่ากันตามตรงแล้ว รีบอร์นก็มีข้อดีบางจุดที่อาจดูดีกว่าบลีช ตรงที่ฉากการต่อสู้ในรีบอร์น ค่อนข้างจะกระชับกว่า บลีช ทำให้อ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด ผิดกับบลีช ที่มีตัวละครเยอะมากจนมึน ทำให้เวลาต่อสู้ในช่วงหลังๆ ต้องใช้เวลายาวนานมากขึ้นตามไปด้วย (แถมหลังๆผู้แต่งเริ่มงัด Skill หน้าคู่ ถมดำ/ขาว ทั้งหน้า เลียนแบบนารุโตะช่วงนึงไปซะแล้ว) และ รายละเอียดที่แฝงในเนื้อเรื่องทั้งสองเรื่องนั้น รีบอร์นเล่าไม่ค่อยขัดกันเท่าไหร่ ผิดกับบลีช ที่รายละเอียดบางอย่างกลับอธิบายขัดกันซะเอง เป็นต้น

  อย่างไรก็ตาม บลีช ใส่ใจคาแร็คเตอร์ตัวละครหญิงมากกว่า (ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะ คนแต่งรีบอร์นเป็นผู้หญิง ต้องเน้นหนุ่มๆมากกว่าอยู่แล้ว) ที่สำคัญ สาวๆในบลีช "ตู้ม" กว่าครับ 55555

 

3.ศึกดวลการ์ตูนมือวางอันดับสามของแต่ละเล่ม (แถมเป็นการ์ตูนจอมอู้เหมือนๆกัน)

ผลโหวต:

Hunter X Hunter 89
D.Grayman 88

  เหล่าฮันเตอร์ กับ สมาชิกเอ็กซ์โซซิส ที่ถือว่าได้รับความนิยมจากคนอ่านบ้านเราเป็นอันดับ 3 จากแต่เล่มเหมือนกัน และที่สำคัญ ทั้งสองเรื่องนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นการ์ตูนจอมอู้เหมือนกัน ยิ่ง HxH ไม่ต้องพูดถึง หยุดป่วยเป็นเนืองนิจยาวเป็นปีๆ ส่วน D.Gray ก็กำลังจะตามไป โทษฐานผู้เขียนสุขภาพไม่ค่อยดีเหมือนกัน ส่วนผลโหวตจากการดวลคู่นี้นั้น ออกมาสูสีดุเดือดกว่าคู่อื่นๆ และเป็นเหล่านักล่าพลังเน็นที่เฉือนชนะบรรดานักปราบอาคุม่าอย่างหวุดหวิดเสียจริง แสดงว่าเรื่องนี้มีคนชื่นชอบพอๆกัน แต่ยังไง 2 เรื่องนี้ย่อมมีองค์ประกอบบางส่วนที่แตกต่างกัน โดยในแง่ลายเส้นนั้น HxH ที่มีลายเส้น(เขี่ย)เป็นเอกลักษณ์นั้น เป็นรอง D.Gray อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าลายเส้นของ D.Gray ในช่วงหลัง ไม่ค่อยเสถียร เดี๋ยวสวยมั่ง ไม่สวยมั่ง เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อย HxH มีทีเด็ดตรงที่ เนื้อเรื่องยังคงเสริมไอเดียไม้เด็ดอย่างน่าทึ่ง สามารถรักษาพล็อตเรื่องอันสุดมันส์ น่าติดตาม น่าค้นหา เอาไว้ได้เช่นเคย ขณะที่เนื้อเรื่องของ D.Gray ช่วงหลัง ความมันส์กลับลดหายลงไป ไม่มันส์ แถมยิ่งอ่านยิ่งมึนงง มากกว่าช่วงแรกๆ ต้องพยายามจับต้นชนปลายกันพอควร.......แต่ก็เอาเถอะ สิ่งที่คนอ่านสองเรื่องนี้ปรารถนามากที่สุด คงอยากให้สองเรื่องนี้กลับมาลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดหาย ทิ้งช่วงไปนานกว่านี้เลย.................

 

4.ศึกดวลการ์ตูนสุดฮา จากทั้งสองเล่ม

ผลโหวต:

Gintama 120
Sket Dance 44

  มาถึงการ์ตูนตลกขำขันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ที่มีองค์ประกอบอะไรโดยรวมคล้ายกันมากๆ (ที่ต้องเรียกรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะ อ.ชิโนฮาระ ผู้แต่ง Sket Dance เคยเป็นลูกมือของ อ.โซราจิ ผู้แต่งกินทามะมาก่อน )โดยรุ่นพี่อยู่ฝั่งซีคิดส์ ส่วนรุ่นน้องอยู่ฝั่งบูม

   ส่วนผลการดวลนะเหรอ......กินทามะเป็นฝ่ายชนะอย่างขาดลอยตามคาด!!! หากจะพูดกันโดยรวม การ์ตูนยุคพีเรียดสมัยเอโดะในสไตล์โมเดิร์นเรื่องนี้เหนือกว่าการ์ตูนเฮฮาชีวิตวัยเรียนอยู่หลายขุม โดยเฉพาะในเรื่องมุขตลก ที่กินทามะ สามารถหยิบเอาเรื่องราวรอบๆตัว ทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ ,เรื่องฮิตในสังคม หรือจะเป็นการ์ตูนหรือเกมอื่นๆ มายำเสียดสีรวมกันกลายเป็นความฮาก๊าก อีกทั้งยังได้บรรดาตัวละครอันสุดแสนจะรั่ว บ้าบอคอแตก บ๊องๆบวมๆสุดขั้ว คอยยกทีมปล่อยมุข ชงมุข ไป-มาเรื่อยๆ จนทำให้คนอ่านฮาก๊ากยิ่งกว่าเดิมเป็นทวีคูณ!!!!........ส่วนฝั่ง สเก็ตดัน นั้น ก็มีตัวละครที่ไม่ปกติเหมือนกัน เพียงแต่ยังบ้าได้ไม่เต็มที่ เลยรู้สึกขำแบบครึ่งๆกลางๆ ไม่สุดขั้วเท่ากับพวกคุณกิน (ที่โชคร้ายไปกว่านั้น คนอ่านบ้านเราส่วนใหญ่ ดันไม่ค่อยเก็ตภาษาเหนือของฮิเมโกะเอาซะเลย จึงเกิดกระแสไม่ปลื้มเอามากมาย ผิดกับคำพูดสำเนียงออกจีนๆของอาหมวยคางุระ ที่คนอ่านบ้านเรา อ่านเข้าใจได้มากกว่า) และสิ่งหนึ่งที่ทำให้อ่านกินทามะได้ฮาซะขนาดนี้ ต้องยกเครดิตให้กับผู้แปลฉบับภาษาไทย ที่ช่างสรรหาสำบัดสำนวน คำพูด ให้คนอ่านบ้านเราได้ขำยิ่งกว่าเดิม........ฉะนั้น ตามที่กล่าวมาข้างต้น กว่าที่สเก็ตดันจะยิงมุขฮาก๊ากเทียบเท่าระดับกินทามะนั้น คงต้องใช้เวลากันซักหน่อย....แต่อย่างน้อยสเก็ตดันก็ไม่เล่นมุขเบื้องล่างเหมือนกับกินทามะ(ที่นับวันจะเล่นมุขนี้มากขึ้น) จึงทำให้มุขตลกเรื่องนี้ค่อนข้างใส เข้ากับภาพพจน์การ์ตูนในชุดเครื่องแบบนักเรียนหน่อย

  แม้ว่าเฉลี่ยโดยรวม กินทามะ เหนือกว่า สเก็ตดันอยู่เยอะ แต่ในแง่ของลายเส้นนั้น สเก็ตดันกลับสวยกว่ากินทามะอย่างเห็นได้ชัด (จนบางคนต้องเอ่ยปากว่า ลายเส้นแบบสเก็ตดันนั้น มันช่างไม่เหมาะกับการ์ตูนแนวฮาๆสไตล์นี้เอาเลย) ถึงกระนั้น ทั้งสองเรื่องนี้นอกจากจะเด่นตรงเรียกเสียงหัวเราะแล้ว พวกเขายังมีจุดเด่นตรงที่ การนำเสนอเนื้อเรื่องได้หลากหลายแนว หลากอารมณ์ โดยเฉพาะ อารมณ์ซึ้งดราม่า แฝงแนวคิด ก็ทำได้เจ๋งทั้งคู่ แต่ต่างกันตรงที่ สเก็ตดันจะมีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะหักมุมกันสุดๆ โดยเฉพาะ ฉากย้อนอดีตตัวหลักทั้งสามคนนี้ ซึ่งอดีตของสวิตช์ ที่ค่อนข้างสะเทือนใจเอามากๆ ทำเอาบางคนน้ำตาตกกันมาแล้ว..................

 

5.ศึกดวลการ์ตูนน้องใหม่มาแรง จากทั้งสองเล่ม

ผลโหวต:

Toriko 35
Bakuman 95

  แม้ว่าทั้งสองเรื่องจะเป็นการ์ตูนคนละแนวกัน เทียบกันลำบาก แต่อย่างน้อยทั้งสองเรื่องเหมือนกันตรงที่ เป็นการ์ตูนน้องใหม่ฟอร์มแรงในจัมป์ มียอดขายรวมเล่มค่อนข้างดี แต่สำหรับในบ้านเรา ทั้งสองเรื่องนี้ต่างก็แยกกันลงคนละนิตยสาร โดยนักล่าอาหารพลัง K โทริโกะ ลงในซีคิดส์ ส่วนคู่หูยอดนักเขียนการ์ตูนมือใหม่ไฟแรง บาคุแมน ลงในบูม ส่วนผลโหวตออกมานั้นก็เป็นไปตามคาดเลย ว่า บาคุแมน เทใจคนอ่านบ้านเรามากกว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ โทริโกะ เพิ่งลงในซีคิดส์ไปไม่กี่ตอน รวมถึง ชื่อของ อ.ทาเคชิ โอบาตะ - อ.ทสึงุมิ โอบะ ดูจะคุ้นเคยและขายบรรดานักอ่านการ์ตูนบ้านเราได้มากกว่า จึงไม่แปลกใจเลยที่ส่วนใหญ่จะเทใจให้กับการ์ตูนตีแผ่ชีวิตนักเขียนการ์ตูนเรื่องนี้มากกว่าการ์ตูนล่าอาหารพิสดารเสียอีก

 

6.ศึกสามเส้าการ์ตูนบู๊ (แถมอันดับในจัมป์โดยรวมไม่ค่อยดีด้วย)

ผลโหวต:

นูระหลานจอมภูต 87
Psyren 22
มุเฮียว & โรซี่ 19

  มาถึงคู่เดียวที่แข่งกันแบบ 3 เส้า ที่เป็นแนวแอ็คชั่นเหนือธรรมชาติ กับ มีอันดับใน Shonen Jump โดยเฉลี่ยไม่ค่อยดีเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้แบบ Handicap คือ มี นูระ เป็นตัวแทนจากบูม ขณะที่ Psyren กับ มุเฮียวฯ เป็นสองตัวแทนจากซีคิดส์ คอยตอดแย่งคะแนนโหวตด้วย และจากผลโหวตที่ได้นั้น เป็นการ์ตูนแก๊งภูตผี โยไค สไตล์ญี่ปุ่นจากบูม เป็นฝ่ายไล่ต้อน 2 เรื่องที่เหลืออย่างขาดลอย ส่วนหนึ่งที่นูระชนะใจคนอ่านได้ เป็นเพราะ การหยิบเอาบรรดาภูตผี วิญญาณตาม ความเชื่อของญี่ปุ่นมาแต่งเป็นเนื้อเรื่องได้สนุก น่าติดตาม แม้ว่าพล็อตเรื่องยังคงหนีสไตล์"จัมป์"ไม่พ้นก็ตาม อีกทั้งเรื่องนี้มีลายเส้นเป็นเอกลักษณ์สมกับเป็นการ์ตูนแนวนี้ แถมการออกแบบคาแร็คเตอร์ตัวละครนั้น ดูเท่ห์ น่ารัก มีเสน่ห์มากกว่า 2 เรื่องที่เหลือ

  ขณะที่ Psyren มีคะแนนโหวตเฉือน มุเฮียวฯ ไปเล็กน้อย ซึ่ง Psyren มีจุดเด่นตรงเนื้อเรื่องค่อนข้างลึกลับ กอปรกับแอ็คชั่นการต่อสู้ด้วยพลังจิตที่ค่อนข้างน่าติดตาม เสียแต่ ความสามารถของบรรดาตัวเอกของเรื่อง ที่ค่อยเป็นค่อยไปมากเหลือเกิน ไปๆมาๆ พวกเขามีความสามารถ สู้แก๊งเด็กๆพลังจิตไม่ได้เลยล่ะเนี่ย.....ส่วนมุเฮียวฯ ที่เป็นแนวผีวิญญาณ เหมือนกับนูระ มีจุดเด่นตรงลายเส้น หน้าตาตัวการ์ตูนบานทุกตัว รวมถึงไอเดียการกำราบผีด้วยกฎหมายเวทมนตร์ แต่อรรถรสโดยรวมนั้น กลับเรื่อยๆ ไม่หวือหวานัก ผิดกับ 2 เรื่องข้างต้น

 

7.ศึกการ์ตูนไทยอันดับ 1 ของแต่ละเล่ม

ผลโหวต:

The Executional 95
อภัยมณีซาก้า 40

  จากคู่ดวลการ์ตูนญี่ปุ่น สู่การดวลของการ์ตูนไทยยอดนิยมอันดับ 1 จากทั้งสองเล่ม ระหว่างการ์ตูนแอ็คชั่นแฟนตาซีดัดแปลงจากวรรณคดีดังในบูม กับ การ์ตูนเกมออนไลน์ทะลุจักรวาลในซีคิดส์ ซึ่งผลที่ออกมา EXE เอาชนะ อภัยมณี อย่างขาดลอย เหตุผลหลักที่คนอ่านถูกใจ EXE มากกว่า ก็มาจาก เนื้อหาการ์ตูนที่ค่อนข้างจะแหวกแนวกว่าการ์ตูนไทยเรื่องอื่นๆ มีการใส่รายละเอียด ไอเดียใหม่ๆลงในเนื้อเรื่อง ทำให้รู้สึกลุ้น น่าติดตาม อ่านเพลิดเพลินไม่รู้เบื่อ อีกทั้ง EXE ยังมีการหยอดมุขตลกเข้าไปได้เป็นจังหวะ ช่วยคลายเครียดไปในตัวด้วย เสียแต่ว่า ด้วยการที่ EXE มีรายละเอียดยิบย่อยที่เยอะเกินไป ทำให้อ่านแล้วมึนไปบ้าง ขณะที่ อภัยมณีซาก้า แม้จะเด่นตรงที่ผู้แต่งกล้าที่จะดัดแปลงเนื้อเรื่องให้แหวกแนวทันสมัย โดยที่รักษาโครงเรื่องหลักของฉบับดั้งเดิมไว้ ส่วนข้อเสีย ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่คือ ยืดดดดด มากกกกกก!!!!! ยิ่งช่วงหลังเห็นแต่เรือ เห็นแต่ทะเล แบบนี้ คนอ่านคงได้เมาคลื่นเมาเรือเอาซะก่อน...ยากที่จะอยากไปตามลุ้นให้สินสมุทรตามหาอภัยมณีจนเจอล่ะนะ


8.ศึกระหว่างการ์ตูนกีฬา ของแต่ละเล่ม (หรือเรียกว่า ศึกดวลการ์ตูนกีฬารุ่นใหม่ vs รุ่นเก่ากึ้ก)

ผลโหวต:

Eyeshield21 126
Captain Tsubasa Golden 23 17

  สุดท้ายมาถึงศึกดวลการ์ตูนกีฬาที่จะขาดเสียไม่ได้ในนิตยสารแต่ละเล่ม ซึ่งผลการโหวตนั้น เป็นกีฬาคนชนคนจากฝั่งบูม สามารถทำแต้มเอาชนะ การ์ตูนฟุตบอลอมตะเหนือโลกจากซีคิดส์ ชนิดที่คะแนนออกมาท่วมท้นเลยทีเดียว โดย ES21 มีจุดขายตรงที่ความแปลกใหม่ ที่ผู้แต่งกล้าที่จะนำกีฬาที่นิยมเฉพาะคนอเมริกันอย่าง อเมริกันฟุตบอล มาแต่ง แล้วก็ทำได้ดีเสียด้วยในแง่ของแอ็คชั่นการแข่งขัน และ การดำเนินเรื่อง (แม้จะพลาดท่าตรงช่วงเนื้อเรื่องภาคยุวชนโลกก็ตาม) รวมถึงคาแร็คเตอร์ตัวละครในเรื่องนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ มีทั้งตัวละครเท่ห์ รั่ว ฮา โดนใจ จึงทำให้บรรดาคอการ์ตูนต่างเทใจให้ ES21 มากกว่า ...ผิดกับ กัปตันซึบาสะ ถึงแม้จะเพิ่มภาค ขายกลุ่มแฟนรุ่นเก่าไปเรื่อยๆ รวมถึง ตัวละครเติบโตขึ้น แต่พัฒนาการด้านพล็อตเรื่อง หรือ ตัวละครนั้น กลับคงที่ ไม่ไปไหนเลย ขายความเว่อร์อย่างเดียว อีกทั้ง สัดส่วนตัวละครเพี้ยนไปเรื่อยๆ นับวันพวกซึบาสะกลายเป็นคนตัวโต หัวเล็ก ไปซะแล้ว....แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อย ซึบาสะ ก็จัดเป็นการ์ตูนกีฬาฟุตบอลสุดคลาสสิค และเป็นต้นแบบให้กับการ์ตูนกีฬาฟุตบอลเรื่องอื่นๆ ในปัจจุบันนี้...........

 

kartoon-discovery.com
July 2009


 
free hit counter javascript