สรุปข่าววงการการ์ตูนประจำปี 2557 (1): เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ ข่าวสำคัญ วงการการ์ตูนประจำปี 2557

ปีม้าคะนอง 2014 ที่กำลังจะควบผ่านไปในอีกไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย นับตั้งแต่การต่อสู้ทางการเมืองข้างถนนระหว่างหมู่มวลชาวนกหวีด กับ แก๊งสีเสื้อ ท่ามกลางลูกกระสุน ลูกระเบิด แก๊สน้ำตา สาดกันไปมาเกือบครึ่งปี จนกระทั่ง กลุ่มชุดเขียวและทีมงาน เข้ามาปรับทัศนคติ ร้องเพลงคืนความสุข ดูแลบ้านเมือง จนเข้าสู่ภาวะปฏิรูปกันอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งในระหว่างนี้ก็เกิดเหตุการณ์ กระแสที่มีหลายคนคอยพูดถึงกันไปทั้ง ทั้ง ท่าน"ชัชช่า"ผู้แข็งแกร่ง , ปัญหาจำนำข้าว-รถไฟความเร็วสูง, ทีวีดิจิตอล,ดราม่าวงโย(หลอก)ขอตังค์ ,ฟุตบอลโลกฟีเวอร์, Ice Bucket Challenge ,ดราม่าระหว่างผู้เล่น-โค้ชเทควอนโด้ จวบจนกระทั่งกระแส "เหนียวไก่" อันไม่มีสาระอะไร แม้ทั้งปีเราจะได้แต่ปวดหัว สลดใจไปกับการทะเลาะกันทางการเมือง , คดีสะเทือนขวัญกับการข่มขืนฆ่าโยนศพจากรถไฟ ,คดีฆาตกรรมบนเกาะเต่า , โศกนาฏกรรม Malaysia Airline - เรือ Sewol ,มหันตภัย Ebola แล้วก็ ความปลอดภัยในชีวิตในทรัพย์สินที่นับวันยิ่งน้อยลงในบ้านเรา แต่อย่างน้อย เราก็ได้กีฬานี่ล่ะ ที่ช่วยให้ใครหลายคนในบ้านเรามีความสุข แล้วก็กลมเกลียวกันมากขึ้น ทั้ง บอลโลก ,กีฬาเอเชียนเกมส์ , ทีมฟุตบอลหญิงชุดไปบอลโลก 2015 แล้วก็ทีมฟุตบอลชายของโค้ชซิโก้ ชุดที่ 4 เอเชี่ยนเกมส์ กับ แชมป์ AFF Suzuki Cup ที่ช่วยให้คนไทยได้ยิ้มแก้มปริกันมากขึ้น ร่วมดีใจ กับ วิพากษ์วิจารณ์จวกแหลกเจ้าภาพจอมคิดไม่ซื่อกับเกมกีฬา แล้วก็ ดร.ปากมอม เป็นต้น

ในส่วนของข่าวคราวในวงการการ์ตูน ในรอบปี 2014 นี้ก็เช่นกัน เพราะต่างก็มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น ทั้งดีและร้ายปะปนกันไป ก็เลยถือโอกาสรวบรวมเรื่องราวในวงการการ์ตูนที่เกิดขึ้นในปี 2014 มาสรุปกันให้ได้รับทราบพอสังเชป เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกันเลย!!!

โดยในตอนแรกนี้ จะเป็นการสรุปข่าวและเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดทั้งปี 2014 ส่วนตอนสอง จะเป็นการสรุป LC - อนิเม และ สื่อที่เกี่ยวข้องในบ้านเรารอบปี 2014 ครับ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปทบทวนกันเลยครับ!!!


สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook


หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ


   เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ ข่าวสำคัญ วงการการ์ตูนประจำปี 2557


  ในรอบปี 2014 ที่ผ่าน หลายคนคงปฏิเสธไปไม่ได้ว่า Frozen หนังอนิเมชั่น 3D ของ Disney จะเป็นหนังที่มีกระแสการตอบรับดีเยี่ยมที่สุดในทุกทั่วหย่อมหญ้า ผู้คนทั่วโลกต่างก็ซาบซึ้งประทับใจไปกับความหนาวเย็นยะเยือกของราชินี Elsa กับความสดใสน่ารักของเจ้าหญิง Anna ไปตามๆกัน โดยหนังชุดนี้ออกฉายไปเมื่อปลายปี 2013 และก็เข้าป้ายอันดับ 1 Box Office ในสหรัฐอย่างรวดเร็ว เท่านั้นไม่พอ หนังเรื่องนี้ก็ทยอยโกยรายได้เป็นอันดับ 1 อย่างเป็นกอบเป็นกำ แทบจะทุกประเทศที่เข้าฉายเรื่องนี้เลย จนกระทั่งกลายเป็นปรากฏการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์บนแผ่นฟิลม์โลก เมื่อ Frozen สามารถสร้างสถิตใหม่ในหลายๆอย่าง อาทิ เป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดตลอดกาล ในอันดับที่ 5 , หนังอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล,หนังจากปี 2013 ที่ทำรายได้สูงสุด,หนังที่ทำรายได้สูงที่สุดของ Walt Disney Pictures และ เป็นหนังจัดจำหน่ายโดย Disney ที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 และด้วยความยอดเยี่ยมที่เกิดขึ้นกับหนังชุดนี้ ทำให้ตัวหนังยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในหลายสาขารางวัลบนเวทีต่างๆ ก่อนจะคว้ารางวัลสำคัญๆจากเวทีใหญ่มาประดับ ทั้ง Golden Globe Awards ในสาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม , Oscar ในสาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และ เพลงประกอบยอดเยี่ยม , BAFTA สาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม รวมถึงยังคว้ารางวัล Annie Awards ถึง 5 สาขา และ รางวัล Critics' Choice Awards อีก 2 สาขาด้วยกัน

  เท่านั้นไม่พอ Frozen เอง ยังสร้างปรากฏการณ์แช่แข็งบนแผ่นดินญี่ปุ่น จนเกิดกระแสหนาวเย็นไปทั่ว โดยเรื่องนี้สามารถครองอันดับ 1 ใน Box Office ญี่ปุ่น ได้นานถึง 16 สัปดาห์ติดต่อกัน (ก่อนจะถูก Maleficent หนังจากค่ายเดียวกันเบียดตกลงไป) ขึ้นทำเนียบเป็นหนังตะวันตกที่สามารถทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2014ไปครอง,หนังอนิเมชั่น 3D ที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ,หนังที่ทำรายได้สูงที่สุดของ Walt Disney Studios Japan และยังเป็นหนังที่สามารถทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น เป็นอันดับที่ 3 รองจาก Titanic และ Spirited Away .......เท่านั้นไม่พอ ยอดจำหน่ายแผ่น BD/DVD ของเรื่องนี้ก็ขายดิบขายดีมากอย่างรวดเร็วที่ญี่ปุ่น ยังสามารถทำทำยอดขายแผ่น BD สูงที่สุดตลอดกาลของญี่ปุ่น เพียงแค่ออกวางวันขายวันเดียวเท่านั้น!!!!! รวมไปถึงสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 3 ล้านแผ่น ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือนด้วยเช่นกัน!!!!!!! ซึ่งก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เรื่องนี้สามารถทำยอดขาย BD/DVD ได้สูงถึง 2.269 ล้านเยน ซึ่งเป็นการทำสถิติยอดขายแผ่นสูงที่สุดประจำปี 2014 ในญี่ปุ่น และเป็นสถิติสูงที่สุดตลอดกาลแซงหน้า Spirited Away เป็นที่เรียบร้อย (หากนับเฉพาะแผ่น BD/DVD)

  จนถึงขณะนี้ Frozen มียอดการเช่ามากกว่า 1 ล้านครั้ง และ มีผู้คนเลือกรับชมมากกว่า 140,000 ครั้ง แล้วเช่นกัน ......เรียกได้ว่า หนังดัดแปลงมาจากวรรณกรรม The Snow Queen ของ Hans Christian Andersen ชุดนี้ เป็นหนังอนิเมชั่นจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในญี่ปุ่น ก็ไม่ผิดนักหรอก!!

  จากการะแสความมาแรงของ Frozen นี้เอง ยังส่งผลทำให้ "Let 's it go" เพลงประกอบหนังเรื่องนี้กลายเป็นเพลงสุดฮิตที่ใครๆต่างได้ยินแล้วก็พากันร้องตามได้ นอกจากตัวเพลงจะมีการจัดทำในหลายภาษาแล้ว ก็ยังมีการตัดต่อคลิปวีดีโอ ทั้ง MAD ทั้งร้องโคเวอร์ ฯลฯ อยู่หลากหลายคลิปด้วยกัน ซึ่งที่ญี่ปุ่นนั้น เพลง Let 's it go ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นที่ขับร้องโดย ทาคาโกะ มัตสึ นั้น สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ทั้งชาร์ตเพลงอนิเมคาราโอเกะยอดนิยม ประจำปี 2014 ของร้าน Joysound แล้วก็ เพลงอนิเมยอดฮิตอันดับ 1 ของ Billboard Japan นอกจากนี้ อัลบั้มซาวด์แทร็คจากหนังเรื่องนี้ ยังสามารถครองอันดับ 1 ในชาร์ตอัลบั้มขายดีในญี่ปุ่นในหลายสัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งนับเป็น เพลงจากหนังอนิเมชั่นชุดแรกในรอบ 35 ปี ที่สามารถทำยอดขายอันดับ 1 ในชาร์ตดังกล่าว ได้ถึง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ต่อจาก Symphonic Poem: Galaxy Express 999 ซาวด์แทร็คจาก Galaxy Express 999 ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1979 รวมถึงยังเป็นอัลบั้มซาวด์แทร็คจากหนังอนิเมชั่นที่มียอดขายสูงที่สุดแซงหน้า Farewell Space Battleship Yamato ที่เคยทำเอาไว้ด้วยเช่นกัน

  มูลเหตุหนึ่งที่ทำให้ Frozen ประสบความสำเร็จอย่างสูงถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากพล็อตเรื่องการนำเสนอ ที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากหนังอนิเมชั่นของ Disney เรื่องก่อนๆหน้า นั่นคือ ตัวหนังจะเล่นถึงเรื่องการเผชิญหน้ากับความกลัว แล้วก็ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Elsa ที่มักจะกังวลเกี่ยวกับคำสาปแช่แข็งของตนเอง กลัวว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน (โดยเฉพาะกับ Anna น้องสาวของเธอ ) เลยตัดสินใจหลีกหนีไปที่ห่างไกลแสนไกล แม้ว่า Anna จะพยายามชวนเธอปั้นตุ๊กตาหิมะ..ชวนเธอกลับมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง Elsa ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงหลีกหนีไปทุกครั้ง ซึ่งก็เปรียบได้กับ คนๆหนึ่งที่กำลังพยายามหลีกหนีปัญหาของตนเอง แทนที่จะหันหน้าเข้าสู้กับมัน และยิ่งวิ่งหนีมันไปเท่าไหร่ ก็จะไม่สามารถสลัดปัญหาความทุกข์ใจของตนออกไปได้ กลับจะทำให้ตัวเองรู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้น เกิดช่องว่างระหว่างคนอื่นๆมากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้น เหตุการณ์ในช่วงท้ายเรื่องนี่เอง ก็ทำให้ทั้งสองพี่น้องคู่นี้ต่างก็รู้ซึ้งถึงความสำคัญในเรื่องของความรักที่แท้จริง และยังทำให้ Elsa สามารถเอาชนะตัวเองได้ในที่สุด

  อย่างไรก็ตาม สำหรับหนัง Frozen นั้น ก็มีสต๊าฟชาวไทยอยู่ 3 ท่าน ที่มีส่วนร่วมอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ ประกอบไปด้วย นั่นคือ Fawn Veerasunthorn ตำแหน่ง Story Artist , Sunny Apinchapong ตำแหน่ง Visual Developement Artist และ Rattanin Sirinaruemam ตำแหน่ง Effect apprentice ซึ่งก็ทำเอาคนไทยรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจไปด้วยเช่นกัน

 

 



  โดราเอมอน ก้าวข้ามกำแพงสู่โลกตะวันตก & ชวนกระตุกต่อมน้ำตาแตกแห่งปี


  ในปีอาชาไนยอันปราดเปรียวนี้ แมวก็ยังถือเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ยังคงโดดเด่นขึ้นมาเหมือนเคย ซึ่งแมวตัวที่ว่านี้ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นหุ่นยนต์แมวตัวสีฟ้าผู้เป็นขวัญใจของคนทุกยุคทุกสมัย โดราเอมอน นี่เอง!!!!!! รอบปีที่ผ่านมา โดราเอมอนก็ยังคงมีอนิเมซีรี่ย์ อนิเมจอเงิน ออกฉายอย่างต่อเนื่องตามปกติแล้ว แต่ปีนี้ก็ถือเป็นก้าวครั้งสำคัญของโดราเอมอน นั่นคือ เป็นปีที่พวกเขาสามารถส่งฉบับอนิเมซีรี่ย์ออกฉายไปยังอเมริกาได้สำเร็จ!! หลังจากที่เคยส่งฉบับมังงะดิจิตอลให้คนอเมริกันได้ลองพิสูจน์มาแล้วเมื่อปี 2013 ซึ่งนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอนิเมโดราเอมอน ที่ได้ออกฉายทางทีวีในอเมริกาอย่างเต็มตัวเสียที หลังจากที่พี่ม่อนและผองเพื่อนได้เผยแพร่อนิเมของตนเองให้ทั่วโลกได้รู้จักมาแล้ว 35 ประเทศด้วยกัน โดยอนิเมโดราเอมอนฉบับภาษาอังกฤษนี้ ออกฉายทางช่อง Disney XD จำนวนทั้งสิ้น 26 ตอน และตอนนึงจะออกฉายถึง 5 รอบต่อสัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งสตูดิโออเมริกันผู้ผลิตโดราเอมอนเวอร์ชั่นพากย์อังกฤษนั้น ได้รับความร่วมมือประสานงานอย่างดีจาก 3 ต้นสังกัดในญี่ปุ่น อย่าง TV Asahi, Fujiko F. Fujio Production, และ Shinei Animation ....อย่างไรก็ตาม โดราเอมอนฉบับอังกฤษที่ออกฉายทางช่องดังกล่าวนั้น จะเน้นออกฉายเอาใจกลุ่มผู้ชมเด็กประถม เด็กเล็กๆ เป็นหลัก รวมถึงมีการเปลี่ยนชื่อตัวละคร - ของวิเศษโดราเอมอน ในแบบภาษาอังกฤษ เพื่อความสะดวกในการออกเสียงของคนที่นั่น อาทิ โนบิตะ เป็น โนบี้ (Noby) , ไจแอนท์ เป็น บิ๊กจี (Big G) ,ชิซึกะ เป็น ซู (Sue) , ซึเนโอะ เป็น สนีช (Sneech) เป็นต้น อีกทั้ง ยังมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหลากๆอย่างให้เข้ากับวัฒนธรรมอเมริกัน และปรับให้เข้ากับแคมเปญการโปรโมทพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ อีกด้วย และจากสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ทำเอาบรรดาแฟนๆโดราเอมอน (รวมถึงชาวอเมริกันที่รู้จักโดราเอมอนมาก่อนหน้านี้) พากับบ่นขรมไปตามๆกัน (สวนทางกับแฟนๆบ้านเรา ที่พากันชมเชยวิธีการเซ็นเซอร์ของเขาที่ค่อนข้างจะสร้างสรรค์ สวนทางกับการโมเสกเบลอทั้งจอของบางช่องทีวี)

   อย่างไรก็ตาม การเดินทางของโดราเอมอนให้ทั่วโลกได้รู้จัก ไม่ได้จบลงแค่นั้น นั่นก็เพราะว่า ในช่วงกลางปีนี้เอง ก็มีหนัง Stand By Me Doraemon หนังอนิเมชั่น 3DCG ชุดแรกในประวัติศาสตร์ของโดราเอมอน ออกฉายที่ญี่ปุ่น แล้วก็สามารถโกยรายได้เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ทันทีหลังจากออกฉายเพียงสัปดาห์แรกเท่านั้น โดยเอาชนะ Transformers: Age of Extinction ที่เข้าฉายสัปดาห์แรกในญี่ปุ่นเช่นเดียวกันอย่างขาดลอยอีกด้วย แม้อนิเมชุดนี้จะเป็นการนำตอนปกติธรรมดาของโดราเอมอนที่หลายคนเคยสัมผัสกัน มาทำใหม่ในรูปแบบ 3 มิติ แต่จากความประทับใจบวกกับอารมณ์ซึ้ง ได้รำลึกความหลังของตัวหนังที่ทำเอาผู้คนพากันร้องไห้กลางโรงไปเกินครึ่ง ก็ทำให้หนังชุดนี้ขึ้นทำเนียบเป็นหนังที่ทำรายได้สูงที่สุดในฤดูร้อนของญี่ปุ่น ปี 2014 และเป็นหนังอนิเมชั่น 3D CG ที่ทำรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติกาลของญี่ปุ่น รวมถึงยังเป็นหนังโดราเอมอนที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดในบรรดาหนังทุกภาคทุกเวอร์ชั่นของพี่ม่อนไปโดยปริยาย

  ในเมื่อกระแสการตอบรับของ Stand By Me Doraemon ออกมาดีเยี่ยมขนาดนี้ จึงทำให้มีหลายประเทศต่างสนใจแห่ซื้อลิขสิทธิ์หนังชุดนี้ไปเข้าฉายในประเทศต่างๆ รวมกันถึง 57 ประเทศด้วยกัน!! (ในจำนวนนี้ ก็มีเพื่อนบ้านอาเซียน , ประเทศแถบเอเชียใต้,ตะวันออกกลาง แล้วก็แอฟริกา อยู่หลายประเทศเลย รวมถึงหนังชุดนี้ ยังเป็นหนังโดราเอมอนภาคแรกที่ได้เข้าฉายบนโรงในบางประเทศอีกด้วย).........สำหรับหนังเรื่องนี้ ก็จะเข้าฉายในไทย ต้อนรับปีใหม่ 2015 โดย M Pictures และจะใช้ทีมพากย์ช่อง 9 อันคุ้นเคย มาพากย์เสียงเป็นหลัก!!

  ส่วนโปรเจ็คอื่นๆที่เกี่ยวกับโดราเอมอนในรอบปีนี้ก็มี ฉบับรวมเล่ม 6 ของ Doraemon Plus กลับมาออกวางขายอีกครั้ง หลังห่างหายจากแผงหนังสือไป 8 ปี , พิพิธภัณฑ์ Fujiko F Fujio มียอดผู้ชมถึงระดับ 1,500,000 คนแล้ว นับจากเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2011 อีกทั้งยังมีหนังจอเงิน 2D ชุด Doraemon: Nobita no Space Heroes ออกฉายในปี 2015 อีกด้วย



  เรื่องวุ่นๆตลอดปี ของ Studio Ghibli หลังพ้นยุค ฮายาโอะ มิยาซากิ


ภาพประกอบจาก otekisinema.com

  หลังจาก ฮายาโอะ มิยาซากิ ผกก.อนิเมมือทองที่อยู่คู่บุญกับ Studio Ghibli มานาน ได้ประกาศรีไทร์เลิกทำหนังใหญ่ไปเมื่อปี 2013 นั้น ส่งผลให้ในรอบปีที่ผ่านมา ก็มีข่าวสารเกี่ยวกับสตูดิโอแห่งนี้เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ฟังดูแล้วออกไปทางเรื่องวุ่นๆ เสียมากกว่า จนนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหลายๆด้านภายในสตูดิโอแห่งนี้ นับตั้งแต่ โทชิโอะ ซึซึกิ โปรดิวเซอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง Ghibli ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เพื่อไปรับงานผจก.ทั่วไปของสตูดิโอแทน พร้อมกับดันสต๊าฟมือใหม่อย่าง โยชิอากิ นิชิมุระ เข้ามาทำงานในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ประจำสตูดิโอ แต่ก็ดูเหมือนว่า การเปลี่ยนแปลงหนนี้จะส่งผลแย่กว่าที่คิด เมื่อหนังอนิเมชุด When Marnie Was There ของ ผกก.ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ กลับทำรายได้ต่ำกว่าเป้า โดยทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกได้น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของหนัง The Secret World of Arrietty หนังอนิเมเรื่องแรกของโยเนบายาชิซะอีก และจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำเอา ซึซึกิ ถึงกับปรี้ดแตก กล่าวโทษ นิชิมุระ ที่ดำเนินแผนแผนทำการตลาดหนังที่ผิดพลาดอย่างมหันต์

  จากการที่หนัง Marnie มีกระแสการตอบรับที่ล้มเหลว ทำเอาเกิดกระแสข่าวหนาหูว่า ซึซึกิ กำลังพิจารณายุบสตูดิโอ แถมตัวซึซึกิเอง ก็ออกมาพูดเปรยๆเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง จากงานแถลงข่าวต่างๆ จนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้น เมื่อ ซึซึกิ ได้ออกมาเคลียร์ข้อข้องใจผ่านรายการทีวีรายการหนึ่งว่า เขาได้มีการพูดคุยกับผู้ถือหุ้นและบุคคลผู้เกี่ยวข้อง ถึงอนาคตความเป็นไปของสตูดิโอ ซึ่งมีตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างภายในของแผนกโปรดักชั่นของสตูดิโอ ไปจนถึงการยุบสตูดิโอ ซึ่งตรงจุดนี้เขาได้ยืนยันว่า ทางสตูดิโอกำลังพิจารณา "ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่" ซึ่งถือเป็นการปิดสตูดิโอเป็นการชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบ ปรับปรุงสตูดิโอ ให้เรียบร้อย เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งแวดล้อมเหมาะสมสำหรับอนิเมเตอร์ สต๊าฟรุ่นใหม่ๆในอนาคตมากขึ้น พร้อมกันนี้ เขายืนยันอีกว่า สิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปนั้น ไม่ได้เป็นการเจตนาลดความสำคัญถึงการปลดเกษียณของมิยาซากิ เขากล่าวว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำเกี่ยวกับอนาคตความเป็นไปของ Studio Ghibli นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ทางสตูดิโอจะเดินหน้าทำหนังออกมาโดยตลอด เราก็แค่หยุดพักชั่วครู่ เพื่อคิดพิจารณาว่าเราควรจะเดินไปจุดไหนกัน

  นอกจากนี้ ก็ได้มีกระแสพูดคุยหนาหูเกี่ยวกับบุคคลผู้ที่จะมาเป็นทายาท ตัวตายตัวแทน "ฮายาโอะ มิยาซากิ" คนต่อไปอีก ซึ่งก็มีตั้งแต่ ฮิเดอากิ อันโนะ ผกก.Evangelion บุคคลผู้คุ้นเคยกับ Ghibli มาอย่างยาวนาน รวมไปถึง โกโร่ มิยาซากิ บุตรชายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้เคยมีผลงานกำกับ Tales from Earthsea,From Up on Poppy Hill และปัจจุบันกำลังมีผลงานกำกับอนิเมซีรี่ย์ Sanzoku no Musume Rōnya ด้วยนั้น จนถึงขณะนี้ ประเด็นดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ แต่ที่แน่ๆ โกโร่ ออกมายอมรับว่า ตนไม่อาจมาแทนคุณพ่อของตนได้ ขณะที่ อันโนะ นั้น ก็มี ซึซึกิ คอยหนุนหลังอยู่!!

  ในส่วนของ ฮายาโอะ มิยาซากิ หลังจากเลิกทำหนังไป ก็ยังคงมีคนคอยติดตามข่าวอยู่อย่างเนืองๆว่า เขาคิดจะทำอะไรต่อไป? แล้วเขาคิดจะเปลี่ยนใจกลับไปทำหนังใหญ่อีกครั้งนึงหรือไม่?! ซึ่งประเด็นนี้ มิยาซากิ เคยเปรยสั้นๆว่า อยากจะทำอนิเมสั้นให้กับพิพิธภัณฑ์ Ghibli เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เขาก็ได้ออกมารับรางวัล Oscar สาขารางวัลเกียรติยศ แล้วเสียที หลังจากที่ตัวเขาบอกปัดรับรางวัลมาโดยตลอดด้วยเช่นกัน

Toshio Suzuki แอบรับจ๊อบแสดงหนัง "The Next Generation Patlabor" ด้วย

Hideaki Anno ตัวตายตัวแทนของ Ghibli ที่ Suzuki พยายามชู !?

Goro Miyazaki (คนขวาสุด) ยอมรับว่าไม่อาจมาแทนบิดาตนได้.........



  Nisekoi รักลวงๆ หลอกๆ ก่อสงครามกองอวยหนุกหนานไปทั่ว!!

  อนิเมซีรี่ย์ที่รอบฉายไปในปี 2014 ก็มีอยู่หลากหลายเรื่องราว และก็มีกระแสแตกต่างกันไป ซึ่งมีตั้งแต่ อารมณ์ฟินกระจายไปกับ Haikyu!!, Free SS2,Hozuki no Reitetsu .....มันส์ในโลกออนไลน์กันต่อ กับ SAO 2 , Log Horizon SS2 (ชื่อไทย SS1 ที่ฉายใน True เห่ยชะมัด) ,ทั้งมันส์ทั้งหลอนไปกับ Tokyo Ghoul หรือจะมาปวดตับกันอย่างต่อเนื่องกับ Psycho Pass 2 , Aldnoah Zero หรือไม่ก็แนวจนดูไม่ค่อยรู้เรื่อง อย่าง Mekaku City Actors เป็นต้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในบรรดาอนิเมซีรี่ย์ต่างๆประจำปี 2014 นี้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เรียกได้ว่าได้สร้างความฮือฮากันตลอดทั้งปีในหมู่แฟนๆบ้านเรา นั่นคือ...... Nisekoi รักลวงป่วนใจ นั่นเอง!!!!!!

  ซีรีย์การ์ตูนแนวโรแมนติค ฮาเร็ม เรื่องนี้ เป็นผลงานของ อ.นาโอชิ โคมิ ลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ตั้งแต่ปี 2011 และได้ถูกนำไปทำเป็นอนิเมซีรี่ย์ออกฉายเมื่อต้นปี 2014 นี้เอง กับเรื่องราวของชายหนุ่ม อิจิโจ ราคุ ลูกชายแก๊งยากูซ่า ที่กำลังตามหาสาวเจ้าที่เคยสัญญิงสัญญาเอาไว้ตั้งแต่เด็ก โดยมีหลักฐานคือ เธอผู้นั้นมีลูกกุญแจ ที่สามารถไขแม่กุญแจที่เขาถืออยู่ได้ ทว่า เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะดั๊นมีสาวเจ้าที่ถือกุญแจมากกว่า 1 คน ประกอบด้วย คิริซากิ จิโตเกะ สาวลูกครึ่งทายาทตระกูลมาเฟีย ที่เธอจำต้องมาร่วมเล่นเป็นแฟนหลอกๆกับฝ่ายชาย (เพราะเป็นดีลของฝั่งพ่อของสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้นานแล้ว เพื่อสงบศึกกัน) แล้วก็ โอโนเดระ โคซากิ เด็กสาวน่ารักอ่อนหวาน ที่ ราคุ กำลังแอบชอบอยู่ นอกจากนี้ก็มีสาวๆคนอื่นๆมาร่วมมั่ว....เอ้ย!!! มาผสมโรงกับพระเอกอีก จนเกิดเรื่องราววุ่นๆตามมา อาทิ สึกุมิ เซย์ชิโร่ สาวทอมบอย บอดี้การ์ดส่วนตัวของจิโตเกะ แล้วก็ ทาจิบานะ มาริกะ ลูกสาวตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ตกหลุมรักราคุข้างเดียว เป็นต้น

   .....ถึงแม้ว่าพล็อตเรื่องหลักๆของเรื่องนี้ ออกจะธรรมดาไปซักหน่อย (แอบคล้ายๆกะ Love Hina) แต่เรื่องนี้ก็มีจุดเด่นในแง่ของความสัมพันธ์ของตัวละครที่คาดเดากันลำบาก ต้องลุ้นกันอยู่ทุกตอน , ตัวละครหญิงสลับกัน(ถูกอวย)มีบทเด่นในแต่ละตอน , ฉากการแสดงสีหน้าของตัวละครที่ทำออกมาได้อย่างสุดขั้ว รวมไปถึง ฉบับอนิเมนั้น ก็ยังได้ สตูดิโอ SHAFT ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแนว มารับหน้าที่ผลิตอีก จึงทำให้ฉบับอนิเมของเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง ซะจนต้องมีการประกาศทำซีซั่น 2 ในเวลาต่อมา รวมถึง OAD ที่มากับฉบับรวมเล่ม

  เสน่ห์สำคัญของเรื่องนี้ที่จะขาดเสียไม่ได้สำหรับเรื่องนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น บรรดา "กองอวย" สาวๆในเรื่องนี่ล่ะ ที่มีกันอยู่หลายกลุ่มหลายก้อน คอยสนับสนุนสาวคนนั้นๆ ให้กลายเป็นนางเอก"ตัวจริง" ของเรื่องนี้ และเวลามีกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับ Nisekoi ออกมาทีไร จะต้องมีคนมาอวยสาวคนนั้น คนนี้ เกทับบลัฟแหลกกันไปมา จนเกิดการตบตีกันแบบขำๆระหว่างกองอวยบ่อยครั้งไม่เว้นแต่ละวัน นำไปสู่สงครามกองอวยอันดุเดือดร้อนแรง ไม่แพ้สงครามกองอวยจากเรื่อง IS (Infinite Stratos) เลย (ฟังเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ร้ายแรง แต่จริงๆก็แค่บลัฟกันขำๆเท่านั้นเอง ) เล่นเอาสมาชิกพันทิพท่านนึง เลยจัดเอาสาวๆ Nisekoi ไป Mix เรื่องราวออกแนวสามก๊กแบบ "หงสาจอมราชัน" 5555+.... แต่ถึงกระนั้น ก็ดูเหมือนว่า กองเชียร์ของ "หัวดำ" หรือ โคซากิจัง จะมีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากเป็นตัวละครสาวยอดนิยมอันดับ 1 ในเรื่อง + อ.คนเขียนแกดันบ่อยกว่าคนอื่นๆ และด้วยเรตติ้งของตัวละครที่ออกมาถล่มทลายซะขนาดนี้ ก็เลยทำให้สาวผมดำ กำลังจะมีซีรี่ย์ภาคแยกของตนเอง แนวสาวน้อยเวทมนตร์ ในชุด Magical Pâtissier Kosaki-chan ที่จะลงบนแอพ Shonen Jump +

  และจากการที่เรื่องนี้ได้เหล่ากองอวยมาสร้างสีสันซะขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจ ที่เราจะยกให้ซีรี่ย์รักลวงเรื่องนี้ เป็นซีรี่ย์การ์ตูนที่มีคนพูดถึงมากที่สุด เกทับบลัฟสนุกสนานมากที่สุด อีกเรื่องหนึ่งในรอบปีนี้......ซึ่งเหล่ากองอวยคงต้องลุ้นไปกับเรื่องราวในอนาคตของเรื่องนี้ ที่สาวเจ้าคนไหนจะสามารถเข้าวิน พิชิตใจ ราคุคุง ได้สำเร็จ!!? (แต่บางคนก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการเลือกเชียร์คู่หนุ่มสาวแว่น พระ-นางรอง supporter คู่หลัก อย่าง ชู กับ รูริ แทน) แต่ถึงกระนั้น ก็ขอให้แฟนๆรักชอบตัวละครอย่างมีสติ อย่าจริงจังมาก จนถึงขั้นลงมือลงไม้กันจนเจ็บตัว เน้อ!!!

 




   20 ปี ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน กับการเดินทางค้นหา ชายชุดดำ กันอีกยาววว........


  นักอ่านหลายคนยังคงสนุกสนานไปกับการไขปริศนาคดีต่างๆของนักสืบจิ๋วโคนัน ไปพร้อมๆกับ การตามล่ากลุ่มคนชุดดำ บุคคลผู้เป็นต้นเหตุให้ คุโด้ ชินอิจิ ตกอยู่ในสภาพของหนุ่มน้อย เอโดงาวะ โคนัน แต่จนแล้วจนรอด การเดินทางตามหาชายชุดดำของโคนัน ก็ได้ล่วงเลยครบ 20 ปีให้แล้ว!!!!! แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่า โคนันจะกลับคืนสู่ร่างเดิมแต่อย่างใด ซ้ำยังถูกคนอ่านบางส่วนออกมาจิกกัดแขวะในแง่ของการดำเนินเรื่องที่ล่าช้า วนลูป เกินไปอีก จนสถาปนาชื่อใหม่ เป็น โค-ตรนาน บ้าง คอยนาน บ้าง ไรบ้าง ..... ซึ่งหากเทียบเป็นคนจริงๆ ป่านนี้ โคนัน คงจะโตเป็นผู้ใหญ่เอง ชนิดที่ไม่ต้องไปแคร์กับกลุ่มคนชุดดำเลย!!!!!!!

  .....อย่างไรก็ตาม ในเมื่อซีรี่ย์สืบสวนสุดฮิตของ อ.โกโช อาโอยามะ ครบรอบ 20 ปี ในปี 2014 ทั้งที ก็เลยมีข่าวสารน่าสนใจออกมามากพอควรในรอบปีนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ หนังอนิเมจอเงิน Lupin III กับ Conan ที่เป็นการเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเจ้าหนูนักสืบเด็กโข่ง กับ คุณน้าจอมโจรสุดกะล่อน แม้ตัวหนังจะฉายช่วง ธ.ค. 2013 แต่กระแสการตอบรับนั้นดีมากซะจนกลายเป็นหนังอนิเมจอเงินของโคนันที่ทำรายได้สูงที่สุดในบรรดาหนังอนิเมของโคนันทุกภาค!!! ต่อจากนั้นก็มีจอเงินของโคนันชุดที่ 18 กับภาค The Sniper from Another Dimension ออกฉาย และได้เข้าฉายบนโรงบ้านเราเหมือนเช่นเคย เท่านั้นไม่พอ การฉลอง 20 ปีของโคนันนั้น ยังส่งผลให้ มีการจัดทำอนิเมซีรี่ย์ของ "จอมโจรคิด" หรือ จอมโจรอัจฉริยะ (Magic Kaito) กันเต็มรูปแบบซะที หลังจากเคยเป็นอนิเมพิเศษออกฉายทับเวลาของโคนันช่วงสั้นๆ เมื่อปี 2010 รวมไปถึงอีเว้นต์กิจกรรมตามล่าหาสมบัติของ 3 ซีรี่ย์การ์ตูนดังของ อ.อาโอยามะ อย่าง โคนัน จอมโจรคิด แล้วก็ ไยบะ อีกด้วย

  อย่างไรก็ตาม ในเมื่อโคนันได้ตีพิมพ์ครบ 20 ปีทั้งที ก็จึงเกิดคำถามของแฟนๆหลายต่อหลายคน เกี่ยวกับบทสรุปที่แท้จริงของเรื่องนี้ว่า จะลงเอยแบบไหนกันแน่ ? แล้วจะจบลงเมื่อไหร่? รวมถึง แล้วตัวจริงของหัวหน้ากลุ่มชุดดำคือใครกันแน่? ซึ่งคำถามเหล่านี้ อ.อาโอยามะ ก็เคยเอ่ยปากสั้นๆ ตอบไปว่า บอสของกลุ่มชุดดำคือตัวละครที่เคยปรากฏตัวในโคนัน!!! และที่สำคัญ คนๆนั้น ไม่ใช่ ดร.อากาสะ อย่างแน่นอน!!!!!!!! ....จากคำตอบดังกล่าว ทำเอาบรรดาแฟนพันธุ์แท้(รวมถึงพันธุ์ทาง)ของโคนัน คงต้องติดตามการตามล่าชายชุดดำของโคนันกันอีกยาวไกลกันต่อไป.......

หากว่ากันตามความเป็นจริง......ป่านนี้โคนัน คงไม่ต่างไปจากสถานการณ์ใน OVA ชุดที่ 9 หรอก !!?



  
   การต่อสู้-ปรับตัว รับมือ ปัญหาลิขสิทธิ์อันยืดเยื้อ ของบริษัทการ์ตูน-อนิเมชั่น รอบปีม้า

การประชุมสุมหัวของเหล่าตัว การ์ตูน จากเว็บไซต์ MAG (manga anime guardian)

  ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนอนิเม ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกในหลายๆประเทศ ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ และปัญหาดังกล่าว ยังได้ส่งผลกระทบหลายต่อหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้อยู่รอดในธุรกิจนี้ ในรอบปี 2014 นี้ ก็เกิดความเคลื่อนไหวในส่วนของนิตยสารการ์ตูนหลายหัวในญี่ปุ่น ซึ่งมีตั้งแต่ เปิดตัวนิตยสารใหม่ , หยุดตีพิมพ์นิตยสารเก่า แล้วก็ การเปลี่ยนรูปแบบการเผยแพร่ใหม่ของนิตยสารนั้นๆ โดยนิตยสารการ์ตูนที่ตัดสินใจหยุดตีพิมพ์ไปก็มี Jump X ,Play Comic ,Monthly Ikki, Comic Avarus (เปลี่ยนไปทำในรูปแบบออนไลน์แทน),Comic Blade (เปลี่ยนไปทำในรูปแบบออนไลน์แทน), Champion Red Ichigo , Bessatsu Manga Goraku เป็นต้น ส่วนนิตยสารใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในปีนี้ก็มี Young Magazine the 3rd ,Comic Garden เป็นต้น ขณะที่ นิตยสาร Saikyō Jump ได้เปลี่ยนไปตีพิมพ์เป็นนิตยสารรายเดือนเว้นเดือน เช่นเดียวกับ Jump Next ที่เปลี่ยนไปตีพิมพ์ในรายเดือนแทน จากเดิมที่จะออกทุกๆ 3 เดือน เป็นต้น

  นอกจากนี้ ปัญหาลิขสิทธิ์ก็ยังส่งผลชิ่งไปยังวงการการ์ตูนประเทศอื่นๆ อาทิ ฟงอวิ๋น การ์ตูนดังของฝั่งฮ่องกง ก็มีแผนที่จะจบเร็วๆนี้ จากปัญหาเรื่องการถูกลักลอบนำผลงานไปเผยแพร่แบบไม่มีลิขสิทธิ์ทางอินเตอร์เน็ต เฉกเช่นเดียวกับ นิตยสาร BOOM ในบ้านเรา ก็ต้องปิดตัวลงหลังจากสร้างความหรรษาแก่นักอ่านชาวไทยมานานถึง 20 ปี ซึ่งก็เป็นผลมาจากการเผยแพร่สแกนการ์ตูนทางเน็ต เช่นกัน

  และจากปัญหาที่เกิดขึ้นทำเอารัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึง องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน-อนิเมในญี่ปุ่น ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้รวมตัวกันจัดทำโปรเจ็ค Manga-Anime Guardians เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาการ์ตูนอนิเมของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และพวกเขาได้ดีเดย์เริ่มโปรเจ็คนี้ในช่วงต้นเดือน ส.ค. ในการตามกวาดล้างเซอร์เวอร์และเว็บไซต์ต่างประเทศที่เป็นต้นตอไฟล์สแกนการ์ตูนเหล่านั้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกะที่จีน ซึ่งถือเป็นแหล่งละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ที่สุด) เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังได้ให้ความสำคัญในการโปรโมทโปรเจ็คนี้ ไปพร้อมๆกับเชิญชวนให้ชาวเน็ตได้ร่วมสนุกร่วมแชร์ข้อมูลบนเว็บไซต์หลักของ MAG ซึ่งหากมียอดเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง ก็จะทยอยปลดล็อคตัวละครจากการ์ตูนดังออกมาเรื่อยๆ จนครบ 20 ตัว อีกทั้งญี่ปุ่นยังได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ในการสอดส่องการละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูนอนิเมอีกด้วย

  ในขณะที่บริษัทนำเข้าการ์ตูนในเมืองไทย ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหานี้ เพราะมีอยู่หลายสนพ.ที่หันมาเผยแพร่การ์ตูนในรูปแบบดิจิตอลมากขึ้น รวมถึง มีการออกวางขายฉบับรวมเล่มที่ถี่ยิบขึ้น ให้ทันกับรายสัปดาห์ - ฉบับรวมเล่มของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับค่ายอนิเมที่มีการคว้าลิขสิทธิ์อนิเมที่มีรูปแบบการออกฉายแบบ VOD Simul-cast ที่จะได้รับชมตอนล่าสุดไล่กะที่ญี่ปุ่น ขณะที่นิตยสาร C-Kids ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบด้วยการเน้นตีพิมพ์ซีรี่ย์การ์ตูนญี่ปุ่นแบบตอนต่อตอน ชนกะตอนล่าสุดที่ตีพิมพ์ในโชเน็นจัมป์ญี่ปุ่น และนับเป็นนิตยสารการ์ตูนฉบับตีพิมพ์จากต่างประเทศเจ้าเดียวในโลก ที่ได้ลงซีรี่ย์การ์ตูนไล่เลี่ยกะตอนล่าสุดในจัมป์(หรือในญี่ปุ่น)เลยทีเดียว!!!





  จัดเป็นดราม่าใหญ่ประจำปีของฝั่งวงการเกมในญี่ปุ่น เมื่อ 2 บริษัทเกมค่ายดังในญี่ปุ่น อย่าง Square-Enix กับ SNK Playmore กลับมีปัญหาระหองระแหงระหว่างกัน ซึ่งก็มาจากการ์ตูนเพียงเรื่องเดียว!!! โดยการ์ตูนที่ว่านั้นก็คือเรื่อง Hi Score Girl (High Score Girl) ผลงานของ อ.เร็นสุเกะ โอชิคิริ ที่เป็นเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่บ้าเกมกันสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมแนวต่อสู้ ซึ่งตัวเรื่องนั้นได้ย้อนอดีตวันวาน เป็นบรรยากาศต้นยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่เกมแนวต่อสู้ 2D ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจะได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง จนมีแผนการที่จะนำไปทำเป็นอนิเมซีรี่ย์

   ......ทว่า ในระหว่างที่ Square-Enix กำลังเดินเรื่องกับ SNK เพื่อขออนุญาตในการใช้ตัวละครกับเสียงประกอบจากเกมวีดีโอของค่าย SNK เพื่อนำไปใช้ประกอบในฉบับอนิเมของ Hi Score Girl นั้นเอง ทาง SNK ได้พบว่า เรื่องนี้ดันไปอ้างอิงถึงตัวละครจากเกมต่อสู้ดังของค่าย SNK ที่มีตั้งแต่ The King of Fighters, Samurai Spirits (Samurai Shodown) และอื่นๆ มากกว่า 100 ตัว โดยที่ไม่ได้ไปขออนุญาติจากค่าย SNK โดยตรง ถึงแม้ว่าจะมีการให้เครดิตให้กับ SNK บนหน้าสุดท้ายของฉบับรวมเล่มของการ์ตูนแล้วก็ตาม ซึ่งทำเอาทาง SNK รู้สึกไม่พอใจ จึงตัดสินใจแจ้งความกับจนท.ตำรวจ ให้มาดำเนินคดีทางกฎหมายกับ Square-Enix ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ และจะดำเนินคดีฟ้องร้องจนถึงที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้เรียกร้องให้ Square-Enix ดำเนินการเรียกเก็บฉบับรวมเล่มของ Hi Score Girl ทุกเล่ม ออกจากร้านหนังสือ รวมถึงหยุดตีพิมพ์ เผยแพร่ จำหน่ายหนังสือในรูปแบบดิจิตอลกับแฟนบุ๊คด้วยเช่นกัน ซึ่ง Square-Enix ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพียงแต่พวกเขายังคงให้การ์ตูนเรื่องนี้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Big Gangan ต่อไป พร้อมไม่ยอมล้มเลิกแผนการที่จะดันซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องนี้ให้เป็นอนิเมด้วยเช่นกัน

  ปัจจุบัน ทั้งสองค่ายกำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดีอยู่บนชั้นศาล เพียงแต่ฝั่ง Square-Enix จะหนักหน่อย เพราะ จนท.ตำรวจ ได้แจ้งข้อหากับบุคคลผู้เกี่ยวข้องของ Square-Enix รวมถึง อ.โอชิคิริ รวม 16 คน มาดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์อีกเช่นกัน และอย่างที่บอก SNK กะไล่บี้ Square-Enix อย่างกัดไม่ปล่อยแน่นอน เพราะพวกเขาต้องการที่จะให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานในการต่อสู้คดีละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อปกป้องสิทธิ์ในตัวเกมและตัวละครของพวกเขาให้คงอยู่ โดยที่คนทั่วโลกยังคงสนุกสนานไปกับมันได้

  ในปี 2014 นอกจากจะเกิดดราม่าระหว่าง 2 ค่ายข้างต้นแล้ว ก็ยังมีดราม่าระหว่าง Capcom (Rockman , Biohazard , Street Fighter) กับ Koei Tecmo ( Samurai Warriors Xtreme Legends , Dynasty Warriors) จากกรณีที่ Capcom ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก Koei Tecmo จากคดีละเมิดสิทธิบัตรที่ Capcom เคยจดไว้เมื่อปี 2002 ไม่ว่าจะเป็น การพอร์ตคอนเท็นต์ หรือ ตัวละคร DLC ของเกมภาคเก่า มาใส่ในภาคใหม่, การจำหน่ายแผ่นเกมภาคเสริม รวมถึง ระบบจอยสั่นเมื่อศัตรูกำลังเข้าใกล้ เป็นต้น และพอมีข่าวนี้ออกมา ปรากฏว่า Capcom ต่างถูกบรรดาเกมเมอร์สวดซะยับ เนื่องมาจาก พวกเขามองว่าลักษณะฟังชั่นต่างๆ จากเกมดังของ Tecmo นั้น มันแทบจะไม่ได้เหมือนกับที่ Capcom อ้างมาเลย!!!!

 



  Case ปัญหา Oishinbo ......บทเรียนของผู้สร้าง กับการใส่ใจเนื้อหาการ์ตูนให้รอบด้าน


  ถือเป็นหนึ่งในประเด็นใหญ่ที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนญี่ปุ่น และที่สำคัญดันมาเกิดกับซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่มีการตีพิมพ์มายาวนานต่อเนื่องถึง 30 ปี อย่าง Oishinbo ซะด้วยสิ!!! ซึ่งซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องที่กล่าวมานั้น แม้บ้านเราจะไม่ค่อยรู้จักนัก แต่ก็จัดเป็นซีรี่ย์การ์ตูนที่เป็นต้นแบบการ์ตูนแนวทำอาหารหลากหลายเรื่องในปัจจุบัน และมีจำนวนรวมเล่มเกินเลข 3 หลักเข้าไปแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องของเรื่องนั้น มาจากตอนหนึ่งของเรื่องนี้ ที่ได้นำเสนอพาดพิงถึงเหตุการณ์สารกัมมันตรังสีรั่วไหล บริเวณรอบๆโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จ.ฟุคุชิมะ ที่เป็นผลพวงมาจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เมื่อ 11 มี.ค. 2011 เนื้อหาของการ์ตูนตอนดังกล่าว เป็นเรื่องราวของนักข่าวนสพ.กลุ่มหนึ่งที่ออกไปทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวของสารกัมมันตรังสีรั่วไหลในแถบนั้น พอหลังจากไปทำข่าวเสร็จ พวกเขาได้พูดถึงอาการที่เกิดขึ้นจากการไปสัมผัสกับสารกัมมันตรังสี ที่มีผลทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายและล้มป่วยในที่สุด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนั้นได้รับการยืนยันจากตัวละครนาม คัตซึทากะ อิโดงาวะ (ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับอดีตเทศมนตรีเมืองฟุตาบะ จ.ฟุคุชิมะ ตัวจริงแทบทุกกระเบียดนิ้ว) อีกทั้งเหล่านักข่าว ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการบิดเบือนข่าวสารที่เกิดขึ้น ซึ่งก็มาจากข่าวจริงที่เกิดขึ้นกับบริษัท Tokyo Electric Power Company ที่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าวด้วย

  หลังจากตอนนี้ได้รับการตีพิมพ์ออกไป ก็เกิดเหตุการณ์ดราม่าขึ้น เมื่อมีผู้ใช้ twitter รายหนึ่ง ผู้อ้างตัวว่าเป็นชาวบ้านจากเมืองโคริยามะ จ.ฟุคุชิมะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีจากโรงงานดังกล่าว ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของการ์ตูน โดยอ้างว่า เขาไม่เคยป่วยเป็นอาการอย่างที่ว่ามาในการ์ตูนตอนดังกล่าวเลย และยังใช้ชีวิตตามปกติมากกว่า 3 ปีแล้วเสียด้วยซ้ำ และข้อความดังกล่าวก็ได้ถูกนำไป retweet เผยแพร่ต่อๆไปมากกว่า 13,000 ครั้งเลยทีเดียว .....จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ฝ่ายบริหารของ Big Comic Spirits นิตยสารที่ติพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้ ได้ออกมาชี้แจงในภายหลังว่า เนื้อหาของการ์ตูนตอนนี้ ได้เขียนโดยอิงจากข้อมูลที่มีการรายงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงมาจากประสบการณ์จริงของ อ.เท็ตสึ คาริยะ ผู้แต่งเรื่องนี้ พร้อมทีมงานก็ได้ไปสัมผัส-ลงพื้นที่จริง ณ บริเวณโรงงานไฟฟ้าใน จ.ฟุคุชิมะ ด้วยเช่นกัน เท่านั้นไม่พอ ประโยคคำพูดของตัวละครเทศมนตรีในการ์ตูนก็มาจากเทศมนตรีของเมืองฟุตาบะตัวจริงอีกด้วย

  ถึงแม้ว่า บก.ของนิตยสารดังกล่าว ได้อ้างว่า อาการป่วยของตัวละครในการ์ตูนตอนดังกล่าว เป็นเพียงการวินิจฉัยของคุณหมอในเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีโดยตรงเลย ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ตัวอ.คาริยะเอง ก็ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบจากปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการประกาศงดเขียนเรื่องนี้เป็นการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด!!!!! และจากคำวิจารณ์ติติงที่เกิดขึ้นในตอนดังกล่าว ทำเอากองบก.ของ Spirits ได้จัดพิมพ์คอลัมน์พิเศษ ที่เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับปัญหาโรงไฟฟ้าฟุคุชิมะ โดยรวบรวมเอาความเห็นจากผู้ว่าฯจ.ฟุคุชิมะ และ บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เกี่ยวกับความจริงและความเห็นแตกต่างกัน เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

  จนถึงขณะนี้ ซีรี่ย์การ์ตูน Oishinbo จะกลับมาตีพิมพ์อีกครั้ง หรือ จะไปแล้วไปลับไปยาวเลยหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ นอกจากตัวอ.คาริยะเอง....แต่ที่แน่ๆ จากปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้สร้างการ์ตูน ที่จะต้องให้ความสำคัญกับเนื้อหาการนำเสนอในการ์ตูนของตนเองให้มากยิ่งขึ้น ทำการบ้านกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเด็นข้อเท็จจริงต่างๆเกี่ยวกับข้อมูลนำเสนอ ที่นอกจากจะต้องแม่นยำ ถูกต้องมากขึ้นแล้ว ยังต้องเขียนในมุมมองที่กว้างขวางรอบด้านมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน



  Yokai Watch : หลอกหลอนโกยตังค์ถล่มทลาย ได้ใจเด็กน้อยทั่วญี่ปุ่น

ภาพประกอบจาก Gamekult

  แม้ว่าจะเพิ่งถือกำเนิดมาไม่กี่ปี แต่ไปๆมาๆ ซีรี่ย์ออมมิทริก...เอ้ย!!! นาฬิกาเรียกผี ออกแนวสไตล์คล้ายๆกะ Ben10 อย่าง Yokai Watch ก็ออกตัวมาแรงแซงโค้งเกินที่ใครหลายคนคาดคิดกันซะงั้น!! โดยซีรี่ย์ดังกล่าว เป็นโปรเจ็คที่ผุดขึ้นมาโดย Level 5 บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังเกม-อนิเม นักเตะแข้งสายฟ้า Inazuma Eleven ที่เตะกันระเบิดระเบ้อสะเทือนแผ่นดินเกาะญี่ปุ่นมาแล้ว โปรเจ็คนี้เริ่มต้นครั้งแรกกับฉบับมังงะ เมื่อปลายปี 2012 ก่อนจะมีการทำต่อในรูปแบบเกมวีดีโอ ในปี 2013 และ อนิเมซีรี่ย์ในปี 2014

  Yokai Watch เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยเคตะ ได้พบกับนาฬิกาประหลาดที่เมื่อสวมมันเข้าไปแล้ว ทำให้เขาสามารถมองเห็นวิญญาณต่างๆได้ และที่สำคัญ เขาจะต้องผูกมิตรกับเหล่าผีต่างๆคอยต่อสู้กับวิญญาณชั่วร้ายด้วย และด้วยเรื่องราวของ Yokai Watch ที่ค่อนข้างจะเข้าใจง่ายสำหรับเด็กๆและคนทุกเพศทุกวัย รวมถึงการดีไซน์ตัวละครภูตผีนั้น ก็ออกแนวน่ารัก ได้ฟีลโปเกม่อน ดิจิม่อน แถมมีจำนวนมากกว่า 10 กว่าตัวอีก จึงไม่แปลกที่ซีรี่ย์ชุดนี้จะเป็นที่ดึงดูด ล่อตาล่อใจ คนอ่านวัยเด็ก มากมายอย่างถล่มทลาย ซะจนติดทำเนียบเป็นสุดยอดตัวการ์ตูนขวัญใจของเด็กๆอีกเรื่องหนึ่ง ไม่แพ้ อันปังแมน ที่เป็นขวัญใจของเด็กญี่ปุ่นเสมอต้นเสมอปลายมานาน โดยปัจจุบัน ฉบับมังงะของเรื่องนี้ มียอดขายมากถึง 1.5 ล้านเล่ม และคว้ารางวัล Kodansha Manga Awards ครั้งที่ 38 ในสาขาสาขาการ์ตูนเด็กยอดเยี่ยม ในส่วนฉบับเกมวีดีโอก็มีการทำต่อถึง 3 ภาค เท่านั้นไม่พอ หนังอนิเมจอเงินชุดแรกของเรื่องนี้ ทำสถิติเป็นหนังที่มียอดจำหน่ายตั๋วสูงที่สุดตลอดกาลของ TOHO ไปเป็นที่เรียบร้อย ทะลุ 1 ล้านใบอย่างรวดเร็ว......ที่สำคัญ ตัวหนังยังทำรายได้เปิดตัวได้อย่างร้อนแรง ทำสถิติรายได้เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกดีที่สุด ในบรรดาหนังญี่ปุ่นที่ออกฉายตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา!!!!!!!!! นอกจากนี้ ยังทำยอดขายหนังสือไกด์เกมของเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ครองอันดับ 1 ในชาร์ตหนังสือขายดีประจำปี 2014 ของ Oricon ได้อีกเช่นกัน (ชาร์ตดังกล่าว ไม่นับยอดขายหนังสือการ์ตูน)

  และจากการที่มังงะกับเกมมาแรงถึงขนาดนี้ ส่งผลให้เรื่องนี้สามารถทำเงินสินค้าของเล่นแก่ผู้ชมกลุ่มนี้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกเช่นกัน โดยเป็นแบรนด์สินค้าที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 2 ในญี่ปุ่น ในปี 2014 โดยเป็นรองแค่ Frozen เรื่องเดียว!!!!! จนมีการคาดการณ์กันว่า สินค้าจาก Yokai Watch จะกลายเป็นสินค้าของเล่นที่ทำรายได้มากที่สุดให้กับ Bandai Namco หลังจากสิ้นสุดปีงบประมาณ มี.ค. 2015

  และจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Yokai Watch นี้เอง ทำให้ TOHO หมายมั่นปั้นมือที่จะผลักดันเรื่องนี้ให้กลายเป็นซีรี่ย์อนิเมมหาฮิต เฉกเช่นเดียวกับ โดราเอมอน,เครยอนชินจัง,ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน และโปเกมอน อีกทั้งก็มีแนวโน้มสูงที่บ้านเราจะได้สัมผัสกับอนิเมเรื่องนี้บนฟรีทีวีในอนาคตด้วยอีกเช่นกัน.........


  40 ปี Hello Kitty น่ารักไม่สร่าง - เผยความลับใหญ่ชวนแฟนทั่วโลกอึ้ง!!!!

  ปี 2014 ยังเป็นปีสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Hello Kitty เพราะ คาแร็คเตอร์ 'คล้าย' แมวเหมียวชื่อดังระดับ world class ตัวนี้ ได้อยู่คู่กับใครหลายคนมานานถึง 40 ปีแล้ว ปัจจุบัน Sanrio ยังคงขยันส่งสินค้าของป้า Kitty ออกมาวางขายล่อตาล่อใจสาวก Kitty ทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีตั้งแต่ สินค้าไลน์ตัวเอง ยัน สินค้าที่เป็นการครอสโอเวอร์กับวงดนตรี การ์ตูนอื่นๆ อาทิ KISS , Vocaloid , วันพีซ , Evangelion ฯลฯ ยันรวมถึงจับมือเป็นพันธมิตรทำของที่ระลึกกับสโมสรฟุตบอล ชลบุรี เอฟซี ทีมดับเบิ้ลรองแชมป์ 2014 จากศึกไทยพรีเมียร์ลีก เป็นต้น นอกจากนี้ Kitty ยังสร้างความฮือฮาด้วยการได้ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ไปกับดาวเทียม Hodoyoshi-3 ดาวเทียมขนาดเล็กที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยการนำดาวเทียมไปใช้ในภาคธุรกิจเอกชนรายย่อย

  แม้จะผ่านไป 40 ปี คุณป้า Kitty ยังคงน่ารักสดใสอยู่ไม่สร่าง และเนื่องในโอกาสที่ดีแบบนี้ เลยทำให้มีการจัดงานอีเว้นต์รวมพลคนรัก Hello Kitty จากทั่วโลก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กับงาน Hello Kitty Con 2014 มีกำหนดจัดขึ้นในย่าน Little Tokyo ย่านชุมชนคนญี่ปุ่น ในมหานคร Los Angeles สหรัฐฯ

  อย่างไรก็ตาม การฉลองครบ 40 ปี ของ Kitty ในปี 2014 นี้เอง ก็ดันเกิดประเด็นหนึ่งที่มีคนพูดถึงกันมากบนโลกโซเชียล ซึ่งทำเอาใครหลายคนที่อยู่คู่กับ Kitty มานาน ถึงกับอึ้งกิมกี่ แล้วก็เหวอไปตามๆกัน .... ก็เพราะได้มีการระบุว่า ที่จริงแล้ว รูปลักษณ์ของ Kitty ที่ใครหลายคนมองเห็นและเข้าใจว่าเป็นแมวน่ารักๆ มาโดยตลอด แท้จริงแล้ว ก็มาแนวเดียวกะมุกของคุณลุงโน้ต เชิญยิ้ม นั่นคือ Kitty มันไม่ใช่แมว!!!!!!!! แต่เป็นเด็กผู้หญิงต่างหาก !!!!!? ซึ่งเหตุที่เป็นแบบนี้นั้น ก็เป็นความตั้งใจของ Sanrio ต้นสังกัดของ Kitty ที่มองว่า Kitty เป็นมนุษย์เด็กผู้หญิง ไม่ใช่แมวอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน ถึงกับต้องเขียนสคริปต์มาเพื่อปรับความเข้าใจในนิทรรศการฉลอง 40 ปี Kitty โดยเฉพาะ กล่าวคือ Kitty เป็นตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ชานกรุงลอนดอน มีชื่อจริงว่า Kitty White เรียนอยู่ ป.3 เธอเป็นเพื่อน แต่เธอไม่ใช่แมว ไม่เคยมีการนำเสนอว่าเธอเองเดินด้วยขา 4 ขา เธอยืนและนั่งเหมือนกับมนุษย์ที่มี 2 ขา และเธอก็เลี้ยงแมวเอาไว้เองด้วย แมวตัวนั้นมีชื่อว่า Charmmy Kitty นอกจากนี้เธอยังมีฝาแฝดด้วย นั่นคือ Mimmy White หรือก็คือตัวการ์ตูนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเธอแต่ผูกโบสีเหลืองนั่นเอง และที่บ้านของเธอก็ยังมีแมวน้ำอาศัยอยู่หลังบ้านด้วย ซึ่งภายหลัง Sanrio ก็ได้ลงประวัติ Kitty เพิ่มเติม คือ "Hello Kitty มีความสูงประมาณแอปเปิล 5 ลูกนำมาเรียงกัน และหนักเท่ากับแอปเปิล 3 ลูก เธอเป็นเด็กสาวผู้ร่าเริงและมีจิตใจดีงาม เธอชอบอบคุกกี้และเล่นเปียโน อีกทั้งยังมีความใฝ่ฝันว่าสักวันเธอจะเป็นนักเปียโน หรือแม้กระทั่งเป็นกวี เธอมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีและภาษาอังกฤษ และชื่นชอบแอปเปิลพายของคุณแม่ เธอและน้องสาวฝาแฝด Mimmy เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อกัน"

.....จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับ Kitty นั้น ก็คิดได้อย่างเดียวก็คือ Kitty เป็นเด็กผู้หญิง แต่มีหน้าตาเหมือนกะแมว ..... !? แต่ก็เอาเถิด เชื่อว่า ถึงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จะกระจ่างขึ้น(ตรงไหน) แต่ก็ไม่ส่งผลต่อแฟนๆ Kitty ทั่วโลก ซ้ำยังทำให้ Kitty ยังคงได้รับความสนใจจากแฟนๆทั่วโลกยิ่งกว่าเดิม จนเป็นตัวละครคาแร็คเตอร์ทำเงินสูงสุดตัวนึงในโลก ตลอดกาล.....และติดในอันดับ 15 คาแร็คเตอร์ผู้ทรงอิทธิพลประจำปี 2014 ของนิตยสาร Time

 


  นินจานารุโตะ จบการต่อสู้-ดราม่า(ยืด)ยาวนาน 15 ปี


  หนึ่งในข่าวการ์ตูนสุดฮือฮาช่วงท้ายปี 2014 และยังกลายเป็นกระแส Talk of the Town ของแฟนๆการ์ตูนจำนวนมาก ที่พากันพูดถึงกันทั้งอาทิตย์ นั่นคือ การปิดฉากตำนานการต่อสู้ของนารุโตะและชาวหมู่บ้านโคโนฮะ หลังจากดำเนินเรื่องราวมาอย่างยาวนาน อย่างอืดๆ ร่วม 15 ปี หลังจากที่ อ.มาซาชิ คิชิโมโตะ เคยพูดเปรยๆมาตลอดว่า นารุโตะ ใกล้จะจบเต็มทีราวปีสองปีก่อน จนกระทั่ง มาได้ฤกษ์ปิดฉากกันอย่างของจริงเอาก็ปี 2014 นี้เอง กับ นิตยสารจัมป์ ฉบับที่ 50 หลังจากที่นารุโตะได้ดำเนินการต่อสู้เพื่อสันติสุขในโลกนินจาอย่างอืดๆ นับตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา.......สิริรวมแล้ว เจ้าโตะกับสหาย จะมีฉบับรวมเล่มถึง 72 เล่มด้วยกัน

  ในส่วนของตอนจบนั้น กระแสส่วนใหญ่ออกจะไปในทางบวก มีทั้งฟิน ทั้งซึ้ง ทั้งใจหาย และประทับใจกันไปตามๆกัน แต่ก็มีบ้างที่รู้สึกว่ามันยังไม่สุด , ตัวละครบางตัวไร้บทสรุปอย่างงงๆ และที่สำคัญ แฟนคลับคู่จิ้น-ตัวละครบางตัว กลับรู้สึกฉุนเฉียวที่บทสรุปความสัมพันธ์ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ เลยออกอาการเยอะ ก่อดราม่ากันตามเว็บบอร์ดซะจนคนเอือม แต่ที่แน่ๆ จากการจบลงอย่างบริบูรณ์ของนารุโตะนั้น ส่วนหนึ่ง ต้องขอบคุณ อ.คิชิโมโตะ ที่ได้สร้างสรรค์เรื่องราวการต่อสู้ของนินจา ที่มีความพิถีพิถันอย่างสูง ไม่ตกยุค อ่านเพลิดเพลิน ต่อสู้อย่างเมามันส์ ซึ้งน้ำตาไหลไปกับอดีตของตัวละครพร้อมกับฉากสูญเสีย (แม้จะมีบ่นบ้างกับการเดินเรื่องที่อืดเอื่อยในบางจุด) และด้วยสิ่งเหล่านี้เนี่ย ก็เล่นเอาหลายคนแทบจะยก นารุโตะ เป็นหนึ่งในการ์ตูนขึ้นหิ้งสำหรับพวกเขาเลย

อย่างไรก็ตาม แม้ฉบับมังงะซีรี่ย์ของนารุโตะจะจบลงไป แต่ดูท่าว่า แฟนๆคงยากที่จะลืมเลือนเจ้าโตะได้อย่างแน่นอน จากการที่ได้มีการผุดโปรเจ็ค Naruto Shin Jidai Kaimaku Project ( โปรเจ็คเปิดศักราชใหม่นารุโตะ) ที่ได้ทยอยทำออกมาอยู่หลายอย่าง ประกอบด้วย หนังจอเงิน+นิยาย The Last -Naruto the Movie- , หนังอนิเมจอเงินชุดใหม่ เดือน ส.ค. 2015 (ที่เป็นเรื่องราวของรุ่นลูก),ละครเวทีนารุโตะ ปี 2015 , มินิซีรี่ย์ ว่าด้วยเรื่องราวของบรรดา"สายเลือดใหม่" ปี 2015 แล้วก็ นิยายไซด์สตอรี่ โดย Jump j Books อีกทั้ง อนิเมภาค Naruto Shippūden นั้นก็จะมีการทำมาให้แฟนๆได้รับชมอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน

  หลังจากปิดฉาก นารุโตะ อ.คิชิโมโตะ ก็ได้เผยถึงเบื้องหลังต่างๆของนารุโตะ ผ่านทางบทสัมภาษณ์บนนสพ.Asahi ว่า

- พล็อตเรื่องของนารุโตะ ผู้มีความฝันอยากจะเป็นโฮคาเงะนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจาก ความฝันอยากจะเป็นนักเขียนการ์ตูนของเขาเด๊ะเลย

- ฉากจบการต่อสู้ระหว่างนารุโตะกับซาสึเกะนั้น เขาได้วางแผนเอาไว้มาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะปรับแก้รายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติม

- อ.คิชิโมโตะ ไม่ได้คาดหวังว่า นารุโตะ จะตีพิมพ์ยาวนานถึง 15 ปี ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีกะจะเขียนนารุโตะให้จบโดยเร็ว อย่างน้อยที่สุด ภายใน 5 ปี แต่เหตุที่ไม่สามารถจบซีรี่ย์ได้เร็ว นั่นเป็นเพราะบรรดาคาแร็คเตอร์ตัวละครไม่ยอมให้เขาจบตามไปนั่นเอง

- ในแง่ของการดำเนินเรื่องนั้น อ.คิชิโมโตะ ได้แตกเรื่องราวใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยประเด็นเรื่องที่นำไปสู่ความขัดแย้งกัน ซึ่งตัวนารุโตะเองนั้น ก็ไม่ได้ใช้วิธีการอันโหดร้ายในการพิชิตศัตรูเสมอไป ซึ่งเขาต้องการอยากจะบอกกับนักอ่านว่า ศัตรูในเรื่อง มักชอบใช้ความความรุนแรง อันเนื่องมาจากเหตุผลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และหาก นารุโตะ สามารถล้มพวกเขาได้โดยที่ไม่ได้รับรู้และเข้าใจถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของพวกเขาเลย มันก็จะลงเอยกันด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งอันซ้ำซากไม่รู้จบ


ภาพประกอบโดย Inio Asano

  นอกจากซีรี่ย์ยักษ์ใหญ่ของนารุโตะ จบลงไป ในปี 2014 ที่กำลังจะผ่านไปนั้น ก็มีซีรี่ย์การ์ตูนจำนวนหนึ่ง (ทั้งดังและไม่ดัง) ต่างทยอยกันจบ ซึ่งมีดังต่อไปนี้ :

  เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบ, Kuroko no Basket, Claymore, Sankarea,ลูกแกะพันธุ์เสือ เค็นอิจิ, Tokyo Ghoul(จบภาค), ข้ามเวลามาป่วนรัก, หน่วยพิทักษ์หอสมุด Love & War (จบภาค), Soul Eater Not!, Shaman King Flowers, Maria Holic ,Moyashimon,Chopperman,Inu x Boku ,Cat's Ai, Kimi no Iru Machi บ้านของเสียงหัวใจ,Onii-chan Control คุณพี่ชายในคอนโทรล,Buyuden ตำนานจ้าวสังเวียน,Azumi,Shadow Skill,Ah! My Goddess,Aku no Hana รักโรคจิต,Pandora Heart,World Embryo, Kami no Shizuku,Aquarion Evol , Namiuchigiwa no Muromi-san,Servant x Service สำนักงานป่วนก๊วนหลุดโลก,Working!!,Date A Live (Manga),Attack on Titan: No Regrets ,Rock Lee no Seishun Full-Power Ninden , Sanka Rea,ในวันที่ข้าพเจ้าเขียน Black Jack,เจ้าหญิงนักล่าผีดิบ,Higanjima: Saigo no 47 Himei /เกาะกระหายเลือด ภาค 47 วัน,Kamigami no Asobi, Uta no Prince-sama - Maji Love 2000% ,Durarara!! 3way standoff -alley-,Danganronpa ,Red Data Girl ,Koe no Katachi /รักไร้เสียง, Kamen Teacher Black

 


  วงการการ์ตูนไทยรอบปี 2014 : นักเขียนบ้านเราคว้าเกียรติยศต่างแดนอีกครั้ง & แรงกำลังใจจากคออนิเม ส่งถึง "น้าต๋อย เซมเบ้"


 วงการการ์ตูนไทยรอบปีม้านั้น ก็เปรียบได้กับ ม้าตัวนึงที่กำลังวิ่งควบแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างไม่หวือหวา แต่ถึงกระนั้น ในปี 2014 นี้ นักเขียนการ์ตูนไทยยังคงฝากฝีมือสร้างชื่อในระดับต่างชาติกันอีกครั้ง กับรางวัลชนะเลิศการประกวดการ์ตูนมังงะนานาชาติ International Manga Awards ครั้งที่ 7 จากผลงานของคุณ เปรมา จาตุกัญญาประทีป กับเรื่อง บุ๊กบิ๊ก (Bokbig) และนับเป็นนักเขียนการ์ตูนไทยคนที่ 3 ที่สามารถพิชิตรางวัลชนะเลิศจากการประกวดรายการนี้ ต่อจาก คุณจักรพันธ์ ห้วยเพชร หรือ ต้น ขายหัวเราะ มหาสนุก จากเรื่อง Super Dunker ปี 2009 และ คุณ โกสินทร์ จีนสีคง จากเรื่อง แว่วกริ่งกังสดาล เมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีนักเขียนชาวไทยจำนวนหนึ่ง สามารถคว้ารางวัลจากรายการนี้ในรางวัลรองลงมาด้วยเช่นกัน

  นอกจากรางวัล International Manga Awards ที่นักเขียนบ้านเราขยันคว้ารางวัลทุกปีแล้ว ก็ยังมีรายการอื่นๆที่นักเขียนการ์ตูนบ้านเราไปคว้ารางวัลกลับบ้านเหมือนกัน อาทิ รางวัลชมเชยของ Manga Audition รางวัลประกวดผลงานการ์ตูนเงียบ ครั้งที่ 2 จากผลงานเรื่อง The Snow ของ dknuuu แล้วก็ รางวัลชนะเลิศ การแข่งขัน Manga Drawing Battle จากงาน Anime Festival Asia 2014 โดยฝีมือของ Asuka 111 เป็นต้น

  เท่านั้นไม่พอ ในช่วงปลายปี ก็มีข่าวฮือฮาขึ้น เมื่อมีนักเขียนการ์ตูนชาวไทยคนหนึ่ง เตรียมจะได้รับโอกาสไปพิสูจน์ฝีมือในนิตยสารโชเน็นจัมป์!! นิตยสารการ์ตูนยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของญี่ปุ่น จากการที่ผลงานการ์ตูนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของ คุณกิตติวัฒน์ ตรงสุจริตสิน ศิษย์เก่าคณะดิจิทัลอาร์ต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต ม.รังสิต ก็ได้รับความสนใจจากกองบก.ของสนพ.ชูเอย์ฉะ ต้นสังกัดของนิตยสารจัมป์ จนถึงขนาดได้รับการทาบทามให้เขามาร่วมงานกับทางโชเน็นจัมป์ด้วย ถึงแม้ว่าในขณะนี้ ตัวเขากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาข้อเสนออยู่ ถึงกระนั้น เราขอเป็นกำลังใจให้เขาทำผลงานให้ดีที่สุด จนสามารถขึ้นชื่อเป็นคนไทยคนแรกที่มีผลงานซีรี่ย์การ์ตูนได้รับการตีพิมพ์ในจัมป์อย่างจริงๆจังๆ ครับ

  ในส่วนอนิเมชั่นฝีมือคนไทยนั้น ก็ไม่ค่อยมีข่าวมากนัก แต่อย่างน้อยก็พอมีความภูมิใจอย่างหนึ่ง ที่มีคนไทยจำนวนหนึ่ง ได้มีส่วนร่วมอยู่เบื้องหลังอนิเมชั่นระดับโลกอย่าง Frozen ของค่าย Disney นอกจากนี้ยังมี ภาพยนตร์อนิเมชั่น 3 มิติ ชุดพระมหาชนก ที่มีการโปรโมทกันมากเป็นพิเศษ โดยหนังดังกล่าว ดัดแปลงมาจากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดช และได้ออกฉายหนังชุดนี้ไปตามโรงภาพยนตร์ แล้วก็ออกฉายทางโทรทัศน์ ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. หรือ วันพ่อแห่งชาติที่ผ่านมา

  อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีม้านี้ บรรดาคอการ์ตูนบ้านเราต่างก็รู้สึกใจหาย พากันรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย น้าต๋อย เซมเบ้ (นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ ) กำลังประสบกับอาการป่วยเป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง หลังจากที่ไม่ค่อยได้ยินเสียงผลงานการพากย์การ์ตูนของเขามานานซักพัก และด้วยอุปสรรคดังกล่าว (ที่ทำเอาเขาไม่สามารถอยู่ห้องแอร์ได้) ทำให้เขาต้องหยุดพากย์การ์ตูนให้กับทางช่อง 9 และหันมาพากย์หนังจีน-เกาหลีทางช่อง 7 แทน และจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้าต๋อยนั้น ก็เป็นสิ่งเตือนใจให้หลายๆคนหมั่นดูแลสุขภาพกันให้ดี ดูแลตัวเองกันมากขึ้น ซึ่งเราและหลายๆคน ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้าต๋อยมีสุขภาพแข็งแรง หายจากอาการป่วยโดยเร็ววันด้วยเช่นกันครับ

  




  อีเว้นต์สไตล์ Comic-Con บุกเบิก ณ แดนสยาม




 งานอีเว้นต์การ์ตูนที่จัดขึ้นในบ้านเราในปี 2014 ที่ผ่านมานั้น ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ มีงานการ์ตูน 2 งาน ต่างก็มีชื่อ "Comic Con" ใส่ห้อยท้ายเหมือนกัน กับ Thailand Comic Con (TCC) 2014 กับ Bangkok Comic Con (BCC) 2014 ทั้งสองงานนี้ แม้จะมีชื่อ Comic Con เหมือนกัน , สถานที่จัดงานที่เดียวกัน แต่ผู้จัดงานนั้นคนละกลุ่มกัน แต่ที่แน่ๆ ทั้ง 2 งานนี้ ต่างได้แรงบันดาลใจมาจากงาน San Diego Comic Con งานอีเว้นต์การ์ตูนคอมิค-ซุปเปอร์ฮีโร่ของอเมริกาที่จัดติดต่อกันมาหลายปีเหมือนกัน และการมาของ 2 งานนี้นั้น สร้างความสนใจบรรดาคอการ์ตูน-คอหนังฮีโร่บ้านเราได้พอสมควร ซึ่งแต่ละงานนั้น ก็มีไฮไลท์ที่แตกต่างกันบ้างนิดหน่อย อาทิ งาน TCC มีคอนเสิร์ตจากกลุ่มนักร้องไอด้อลญี่ปุ่น แล้วก็โชว์มวยปล้ำจากญี่ปุ่น ขณะที่ BCC จะมีซุ้มเสวนาพูดคุยกับคนวงการการ์ตูนจากฝั่งตะวันตก แล้วก็บูธจากบริษัทภาพยนตร์ด้วย เป็นต้น

  อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะรู้สึกเพลิดเพลิน ถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างเมามันส์กันทั้ง 2 งาน แต่ทั้ง 2 งานนั้น ต่างก็ถูกคอการ์ตูนบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ ในแง่ของการจัดงานอย่างครึ่งๆกลางๆ การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่มีน้อยเกินไป ซะจนรู้สึกไม่คุ้มค่ากับราคาตั๋ว รวมไปถึง การนำเสนอนั้น มีสัดส่วนความเป็นญี่ปุ่นจ๋าเกินไป ไม่สมกับชื่องานที่น่าจะสื่อถึงความเป็นอเมริกัน หรือการ์ตูนคอมิคส์มากกว่า ซึ่งประเด็นนี้ก็ทำเอาคอการ์ตูนต่างพากันถกกันอย่างเมามันส์ ในแง่ของคำจำกัดความของคำว่า "คอมิคส์" ที่ไม่ได้หมายถึงการ์ตูนฝรั่งเพียวๆเสมอไป (ดูได้จาก Comic Market / Comiket งานการ์ตูนงานใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น อาจรวมถึง Comic Party ในบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน ) นอกจากนี้ยังมีประเด็นย่อยๆเกี่ยวกับการจัดการภายในงาน ที่อาจยังไม่ทั่วถึง อาทิ การปล่อยให้มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในงาน รวมถึง การแต่งกายอันไม่เหมาะสมของพริตตี้บางบูธ เป็นต้น

  ถึงกระนั้น ทั้ง TCC กับ BCC นั้น ก็ถือเป็นสองงานที่บุกเบิกการจัดงานการ์ตูนงานใหญ่เต็มรูปแบบในบ้านเรากันอย่างจริงๆจัง เหมือนเช่นกับงานการ์ตูนที่ต่างประเทศ แม้ในปีแรกจะมีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางไปบ้าง แต่ทางผู้จัดสามารถนำข้อบกพร่องการจัดงานปีแรกไปปรับปรุงให้ตัวงานออกมาดียิ่งขึ้นในปีต่อๆไป ให้ได้มีอารมณ์ที่ใกล้เคียงกับงานต้นฉบับของอเมริกันให้มากที่สุด......ซึ่งทั้งสองงานนี้ก็มีการจัดต่อในปีหน้า โดยจะจัดในระยะเวลาแบบชนกัน (แต่ต่างสถานที่) และที่น่าสนใจคือ งาน BCC 2015 นั้น ก็จะจัดร่วมกับงาน Anime Festival Asia 2015 งานอนิเมงานใหญ่ระดับเอเชีย ที่จะมาจัดที่เมืองไทยครั้งแรกในปีหน้าด้วย เช่นกัน!!!!!!!



  ปีม้า 2014 ไอด้อล-เลเยอร์คอสเพลย์ ถูกคุกคามเหมือนเคย


  ในทุกๆปี มักจะมีคดีสะเทือนขวัญ ที่เป็นการข่มขู่ คุกคาม บรรดาไอด้อล,นักพากย์,เลเยอร์คอสเพลย์ รวมไปถึง นักเขียนการ์ตูนเอง เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ซึ่งบางเคสก็รุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย และจากสรุปข่าวนี้ถือเป็นอุทธาหรณ์ให้ใครหลายคนได้ดูแลเอาใจใส่ ระมัดระวังตัวเอง รวมถึง คนรอบข้างกันมากขึ้น

  โดยเคสที่สะเทือนขวัญสุดๆ เห็นจะเป็น อันนา อิริยามะ กับ รีนะ คาวาเอย์ สองสมาชิกสาวของ AKB48 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกชายหนุ่มบ้าคลั่งไล่ฟันกลางงานอีเว้นต์เช็คแฮนด์กับแฟนคลับ ที่ จ.อิวาเตะ เมื่อ 25 พ.ค. และจากเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น ทำเอาต้องมีการทยอยยกเลิกกิจกรรมดังกล่าวตามงานอีเว้นต์ต่างๆ พร้อมกับมีการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย การตรวจเช็คสัมภาระของผู้เข้าร่วมงานในอีเว้นต์นั้นๆด้วย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังเกิดคดีข่มขู่ที่เกิดขึ้นกับนักเขียนการ์ตูนนาม ลาลาโกะ โคจิมะ นักเขียนการ์ตูนจากนิตยสาร ARIA จึงทำให้ต้องมีการยกเลิกกิจกรรมแจกลายเซ็นในงาน Animate Girls Festival 2014 รวมไปถึง คดีที่คนร้ายคุกคามคอนเสิร์ตของ ยูคาริ ทามุระ หนึ่งในนักพากย์สาวกลุ่ม 17 ปี ตลอดกาล อีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากเหตุดังกล่าวคาดว่า คนร้ายกระทำไปเพราะรับไม่ได้ที่ทามุระเผลอเปิดเผยอายุจริงๆของตนเองในคอนเสิร์ตก่อนหน้านี้ (ปัจจุบัน ทามุระ อายุ 38 ปี)

  ส่วนเคสอื่นๆที่ใกล้เคียงกันนั้น ส่วนใหญ่จะหนักไปทางฝั่งตะวันตกทั้งนั้น และมีอยู่บางคดีที่ได้ใช้อิทธิพลจากการ์ตูนอย่างไม่ถูกต้อง อาทิ คดีเด็กสาวอเมริกัน วัย 14 ปี ลงมือวางเพลิงบ้านพักของตนเอง โดยอ้างว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก Soul Eater( อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวบางส่วน ระบุว่ามาจาก "SoulEater.com" ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการ์ตูน Soul Eater แต่อย่างใด) , Leslie B. Shotwell หรือ Victor Malice ดีเจอาสาสมัครหนุ่มชาวอเมริกันได้ก่อคดีข่มขืนสาวคอสเพลย์เยอร์ ณ งาน Aki Con 2013 งานอีเว้นต์การ์ตูนในสหรัฐ,คดีหนุ่มวัย 29 ปี กระทำการข่มขืน ทำร้ายร่างกายสาวคอสเพลย์ ณ บริเวณงาน Comic Con 2014 , Illich Guardiola นักพากย์ชาวอเมริกัน ถูกตร. Texas รวบตัว ด้วยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน รวมถึง คดีที่ตำรวจรัฐ Utah สหรัฐ กระทำการกระหน่ำยิงสังหารหนุ่มคอสเพลเยอร์ ที่แต่งกายเป็นตัวละครจาก Samurai Champloo (แถมพกดาบซามูไรในที่สาธารณะอีก) จนตาย จนถึงขณะนี้ คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการไต่สวนคดี (แถมคดีนี้ยังมีดราม่าแฝงในแง่การเหยียดสีผิว เนื่องจากผู้ตายเป็นคนผิวสี)



 

   ข่าวเด่นวงการ์ตูนต่างประเทศรอบปี 2014

Ebola-chan

   - คณะกรรมการกระจายเสียงและออกอากาศของประเทศอินโดนีเซีย (KPI) ได้ออกโรงเตือน RCTI สถานีทีวีท้องถิ่นแดนอิเหนา เกี่ยวกับการออกอากาศอนิเมซีรี่ย์ เครยอนชินจัง หรือ ชินจังจอมแก่น เนื่องจากพวกเขามองว่าอนิเมดังกล่าวมีเนื้อหาลามกอนาจาร ไม่เหมาะสมแก่เยาวชน พร้อมกับกล่าวแนะนำให้ช่องทีวีดังกล่าวจัดการเซ็นเซอร์ชินจัง หรือไม่ก็ ย้ายเวลาไปฉายช่วงดึกแทน

  - ชาวไซเบอร์ชาวไนจีเรีย กล่าวโจมตี บุคคลผู้ที่คิดค้น Mascot และ เผยแพร่ Meme "อีโบล่าจัง" กันไปทั่ว เนื่องจากพวกเขามองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างรุนแรง ,เอาเรื่องความเป็นความตายมาเป็นเรื่องตลก ซึ่งก็มีชาวไนจีเรียบางคนฉุนจัด ถึงขนาดมองว่าเป็นการเพิ่มความตึงเครียด ขัดแย้งกันระหว่างคนดำกับคนขาวมากยิ่งขึ้น (ไนจีเรีย เป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้เสียชีวิตจากการระบาดของไวรัส Ebola สูงอีกประเทศหนึ่ง)

  - อิสซาเบลลา ทานิคุมิ นักเขียนชาวเปรู ตัดสินใจยื่นฟ้องดิสนีย์เรียกเงิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8 พันล้านบาท) โดยอ้างว่าหนัง Frozen ขโมยเรื่องราวในชีวิตจากอัตชีวประวัติของเธอโดยไม่ให้เครดิตใดๆ ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะเนื้อเรื่องนั้น ต้องบอกว่า เรื่องราวของ Frozen มันไปคนละทิศคนล่ะทางเลย

  - คอลัมนิสต์ชาวจีน จาก นสพ.Chengdu Daily News ของจีน ได้วิพากษ์วิจารณ์โดราเอมอนในแง่ลบ โดยมองว่า เป็นเพียงความพยายามของญี่ปุ่นในการจะทำลายวัฒนธรรมจีน และช่วยให้ผู้คนหันเหความสนใจไปจากการนโยบายต่างประเทศอันแข็งกร้าวของนายก ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม บทวิจารณ์ของเขาก็โดนบรรดาแฟนๆโดราเอมอนชาวจีน รุมกันสับเละไปตามระเบียบ

  - คณะกรรมการด้านการสื่อสารแห่งชาติไต้หวัน ทำการลงโทษปรับเงินสถานีโทรทัศน์ CTV สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของไต้หวัน เป็นจำนวน 210,000 ดอลล่าร์ไต้หวันใหม่ ในข้อหาที่ทางช่องได้ออกฉายอนิเม Sword Art Online ตอนที่ 24 ที่มีฉากที่ส่อข่มขืนทางเพศ ซึ่งไม่เหมาะสมกับผู้ชมบางกลุ่ม โดยตอนดังกล่าวได้ออกฉายไปเมื่อ 4 ธ.ค. 2013 เป็นฉากที่ สุโก ตัวร้ายของเรื่อง พยายามจะขืนใจ อาสึนะ ซึ่งตอนที่ออกฉายตอนดังกล่าว ทางช่องทีวี ไม่ได้มีการเซ็นเซอร์ฉากดังกล่าวแต่อย่างใด

  - กระทรวงมหาดไทยแห่งประเทศมาเลเซีย ได้ตัดสินใจแบนการ์ตูนคอมิคของอุลตร้าแมนชุด Ultraman: The Ultra Power อันเนื่องมาจากการ์ตูนดังกล่าวมีเนื้อหาที่เป็นการลบหลู่อัลเลาะห์ หรือ พระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอิสลาม

  - สตูดิโอ Gainax เตรียมจะหยิบเอาซีรี่ย์การ์ตูนอาหรับในสไตล์มังงะอย่าง Gold Ring ไปดัดแปลงทำเป็นอนิเมแล้ว โดยโปรเจ็คดังกล่าวจะเป็นการร่วมมือกันทำระหว่าง Gainax และ สตูดิโอท้องถิ่นของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต(UAE) โดยที่ Gainax รับหน้าที่ดูแลทั้งโปรเจ็ค อีกทั้งยังถือเป็นครั้งแรกที่ซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเม ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการวางแผนโปรเจ็คเบื้องต้น รวมไปถึง Himekawa เอง ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจ็คนี้ด้วยเช่นกัน

  - นิทรรศการวันพีซที่เกาหลีใต้ได้ถูกยกเลิกไป อันเนื่องมาจากความไม่พอใจของชาวเกาหลีผู้คลั่งชาติที่ได้เห็นธงที่มีลักษณะคล้ายๆกับธงญี่ปุ่นยุคจักรวรรดินิยม (ยุคที่ญี่ปุ่นได้ยึดเกาหลีใต้เป็นเมืองขึ้น) มาจัดแสดงภายในงานดังกล่าว แม้ว่าในภายหลัง ศาลเกาหลีได้ตัดสินให้ งานนิทรรศการดังกล่าวสามารถกลับมาจัดต่อได้ เนื่องจากภาพธงดังกล่าวที่ปรากฏในการ์ตูนนั้น ไม่ได้สื่อถึงความเคารพต่อญี่ปุ่นยุคจักรวรรดินิยมเลยก็ตาม

 

 


  list คนวงการการ์ตูนอนิเมผู้จากไปในปี 2014



  ในปี 2014 ที่ผ่านมา ได้มีคนวงการการ์ตูนอนิเมได้จากโลกนี้ไปจำนวนหนึ่ง ด้วยสังขาร โรคร้าย หรือ อุบัติเหตุ ซึ่งเราได้รวบรวมชื่อมาพอสังเขป เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดี รวมไปถึง ผลงานของพวกเขา ที่ได้ฝากเอาไว้ในช่วงที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ :

  • โคอิจิ ทสึโนดะ - อนิเมเตอร์และผกก.อนิเมชั่น จาก Mazinger Z
  • เซย์โซ คาโต้ - นักพากย์จาก Transformers ในบทบาทของ Galvatron กับ Megatron
  • อิจิโร่ นากาอิ - นักพากย์ประสบการณ์สูง เจ้าของเสียงพากย์ ฮัปโปไซ ตาแก่จอมลามก จาก รันม่า 1/2, ประธานเนเทโร่ จาก Hunter x Hunter ฯลฯ
  • มาซาอากิ ทสึคาดะ - นักพากย์รุ่นเก๋า เจ้าของเสียงพากย์ ยามาโมโตะ เก็นริวไซ จากบลีช
  • รุนะ อาคิยามะ - นักพากย์สาว ผู้เป็นที่รู้จักจากการให้เสียงตัวละคร ยูเมโกะ คาวาอิ ตัวละครจาก นินจาฮาโตริ
  • Bob Hoskins - นักแสดงชาวอังกฤษมากฝีมือ ผู้เคยรับบทเป็น Mario จากหนัง Super Mario Bros. เวอร์ชั่นหนังคนแสดงเกรดต่ำของอเมริกัน
  • โคจิ ยาดะ - นักพากย์รุ่นดึก เป็นที่รู้จักในหมู่ของแฟนอนิเม จากบทบาทการพากย์เสียงเป็น ดร.เกโระ ใน Dragon Ball Z , ทาลัน จาก Uchū Senkan Yamato , ไลบร้า โดโก จาก Saint Seiya ,สไนเปอร์ จาก Ginga Nagareboshi Gin ,เซฟขาแดง จากวันพีซ
  • Robin Williams - นักแสดงตลกระดับแนวหน้าของฮอลลิวู้ด เคยพากย์เสียงหนังอนิเมชั่นเรื่อง Aladdin , Happy Feet ,เคยรับบทนำในหนัง Popeye ฉบับคนแสดง รวมถึงเคยแสดงในโฆษณาเกมวีดีโอ Legend of Zelda
  • โทชิโอะ ฮิราตะ - ผู้กำกับอนิเมหลายเรื่องให้กับ Mushi Productions และ Mad House อาทิ The Fantastic Adventures of Unico, Pet Shop of Horrors, Barefoot Gen 2
  • โรคุโระ นายะ - นักพากย์รุ่นเก๋าจากอนิเมหลากหลายเรื่อง อาทิ Crayon Shin-chan, Saint Seiya (Aquarius Camus), Yū Yū Hakusho (Sensui) ฯลฯ
  • เคน ทาคาคุระ - นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ เจ้าของสไตล์ตัวละครเคร่งขรึม ขึ้นชื่อจากบทบาทยากูซ่า ซึ่งเขาเคยแสดงในหนังคนแสดงของ Golgo 13 มาแล้วอีกด้วย
  • โนบุโยชิ โคชิเบะ - นักเรียบเรียงดนตรี ผู้อยู่เบื้องหลังดนตรีประกอบในอนิเมหลายเรื่อง อาทิ Sazae-san, The Adventures of Hutch the Honeybee, Doraemon, Mach Go Go Go (Speed Racer)
  • โคอิจิ คาวาคิตะ - ผกก.สเปเชียลเอ็ฟเฟ็คจาก Godzilla หลายภาค
  • เคย์โนโจ มิซึทามะ - ศิลปินผู้วาดภาพประกอบให้กับนิยาย Maoyu Maou Yusha

 


  นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวงการการ์ตูนตลอดปี 2014 ในปีแพะบ้าผยองที่กำลังจะมาถึง พร้อมกับการต้อนรับการเปิดประตูสู่อาเซียน AEC อย่างเป็นทางการ ...... วงการการ์ตูนจะก้าวไปในทิศทางไหนกัน ก็ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไปครับ ซึ่งเราก็ขอให้ทุกคนจงมีแต่ความสุข ความโชคดี จะทำอะไรขอให้ปลอดอุปสรรคทั้งปวง ตลอดปีพ.ศ. ๒๕๕๘ ขอให้รัก สามัคคี ใจเย็นๆ มีเหตุมีผล ประเทศชาติพ้นภัย ครับ !!!!!!!!!!!............(ยังมีต่อตอนที่ 2 เน้อ)

สำนักข่าว KD News
 
free hit counter javascript