Cartoon Short Focus -- คุโรมาตี้ โรงเรียนคนบวม (Sakigake! Cromartie High School)

 
ผู้แต่ง
เอย์จิ โนนากะ
ประเภท
ตลก
จำนวนเล่ม
17 เล่ม (จบ)
สำนักพิมพ์
วิบูลย์กิจ(ไทย)/
Kodansha (ญี่ปุ่น)
แหล่งข้อมูล Wikipedia
 

   เรื่องย่อ และ ตัวละคร

  เรื่องย่อ

  คามิยามะ ทากาชิ นักเรียนดีเด่นตอนม.ต้น ที่สอบเข้าม.ปลายที่โรงเรียนคุโรมาตี้ ซึ่งขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นศูนย์รวมเด็กเลวๆ โดยหวังให้เหล่านักเรียนเลวๆนั้นกลับตัวกลับใจเป็นคนดี แต่ทำไปทำมา เขากลับเจอกับเหล่าเหตุการณ์ประหลาดๆพร้อมกับเพื่อนพ้องคนรู้จัก ที่ดูแล้วพิลึกพิลั่นทั้งนั้น แถมเขานั้นก็เข้ากับเด็กเลวเหล่านั้นเป็นอย่างดีด้วย

  ตัวละคร

  คามิยามะ ทากาชิ พระเอกของเรื่อง เดิมทีเข้ามาเรียนที่นี่ เพราะอยากให้เหล่านักเรียนเลวๆนั้นกลับตัวกลับใจเป็นคนดี แต่ตอนนี้บทบาทหดหาย ไม่แน่ใจว่าหมอนี่เป็นพระเอกจริงหรือเปล่า สนุกกับชีวิตในโรงเรียนสุดๆ แถมยังชอบชวนให้คนอื่นๆ(รวมถึงตัวเอง)ทำสิ่งที่ชวนเสียสติบ่อยๆ มีงานอดิเรกคือ การส่งจดหมายร่วมสนุกทางรายการวิทยุ ในชื่อว่า ฮันนี่ บอย

  ฮายาชิดะ ชินจิโร่ เป็นเพื่อนสนิทของคามิยามะ ไว้ผมทรงโมฮอก(แต่จริงๆแล้ว ...)และเป็นตัวละครที่เอ๋อสุดๆ แถมเป็นจอมยิงมุขประจำเรื่อง ทำคนอื่นเหวอไปก็หลายที และเคยไปผจญภัยในดินแดนประหลาดที่เรียกว่า "พิภพวานร" แถมเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจในทำสิ่งต่างๆสั้นมาก

  มาเอดะ อากิระ ดูเป็นผู้เป็นคนที่สุดในเรื่อง มีสติเยือกเย็น แต่ไม่มีบทเด่น ทั้งๆที่ต่อยตีกะเขาเก่ง แต่ก็ถูกจับบ่อย แถมมีแม่(และพ่อ)หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะ มีฉายาที่ลูกกระจ๊อกโฮกุโตะตั้งไว้ว่า ใบมีดมังกร

  โฮกุโตะ ทาเคชิ หนุ่มชุดขาวลูกเศรษฐีที่เข้ามาผิดโรงเรียน มีเป้าหมายที่จะยึดครองโรงเรียนม.ปลายทั่วญี่ปุ่น ถึงกับต้องตั้งกองพลโฮกุโตะขึ้นมา และมีท่าไม้ตาย"อำส่งเดช" ในยามที่ตัวเองจนมุม

  ลูกกระจ๊อกของโฮกุโตะ ลูกน้องคนสนิทของโฮกุโตะ ฉายา อเมริกันดรีม ตามที่มาเอดะตั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของพี่แกเลยตลอดทั้งซีรี่ย์ เวลาจะบอกชื่อต้องมีเหตุการณ์อะไรมาขัดขวางซะก่อน

  เฟรดดี้ หน้าตาเหมือนนักร้องวงควีน แต่ก็ไม่มีใครรู้ตัวจริงของเขาเลยว่า เป็นใคร มาจากไหน ตลอดทั้งเรื่องเขาไม่เคยพูด แต่ดันร้องเพลงได้ และมีม้าเป็นพาหนะคู่ใจ

  เมก้าซาวะ ชินอิจิ เป็นหุ่นยนต์ที่มีปรัชญาอันเท่ห์ๆ และชอบคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์จริงๆ เขาไม่ถนัดเครื่องจักรกล ไม่ชอบของหวาน เขามักจะถูกมองเป็นอย่างอื่น พังไม่ก็ แบตหมดบ่อยมาก แต่ก็คืนสภาพเดิมได้ทุกที

  เมก้าซาวะ เบต้า มีน้องชายของเมก้าซาวะ รูปร่างเล็กกะทัดรัด คล้ายถ้วยชา จนคนอื่นสับสน ตัวเองต้องมารับเคราะห์บ่อย โดยเบต้านั้นพูดได้แค่คำๆเดียวว่า "เมการัตต้า" เป็นน้องชายแท้ๆแต่ดันเกิด(สร้างเสร็จ) ก่อนพี่ตัวเองซะอีก

  กอริลล่า ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกอริลล่าจริงๆ โดยตัวแรกที่ปรากฎมานั้นมีชื่อว่า โก ฮิโรมิ คิดเลขเก่งกว่าฮายาชิดะซะอีก แถมยังมีสติปัญญาฉลาดกว่าเหล่าตัวละครในเรื่องที่เป็นมนุษย์ซะอีก ต่อมาก็มีพรรคพวกเพิ่มอีกหลายตัว

  ทาเคโนะอุจิ ยูทากะ หัวโจกคุโรมาตี้ ต่อยตีเก่ง แต่เป็นโรคเมายานพาหนะทุกชนิด และเห็นคามิยามะเป็นเทพเจ้าแห่งความโชคร้าย แต่อย่างน้อยก็ยังมียานพาหนะที่พี่แกทนได้ นั่นคือ จักรยาน,โรลเลอร์ เบลด(?),รถบดถนน(?)

  พี่โม่งทาเคโนะอุจิ โจรไฮแจ็คกลับใจที่หลบหนีมาโดยสลับตัวกับทาเคโนะอุจิ โดยตัวจริงนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าคงมีอายุอยู่พอควร และน่าจะเป็นตัวละครที่จริงจังกับชีวิตที่สุด เลยมักจะพูดอะไรคล้ายๆคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน

  ยามากุจิ โนโบรุ บุรุษทรงผมแอฟโฟร ฉายา ไอโอดีนแมน เป็นหัวโจกโรงเรียนเดสโทราตี้ ต่อยตีเก่ง ที่สิ่งที่เขาชอบคือ การพิถีพิถันกับมุขตลกมากจนเกินไป(ดูยังไงก็เหมือนกับคิดมากนะแหละ) มีงานอดิเรกคือ การส่งจดหมายร่วมสนุกทางรายการวิทยุเหมือนคามิยามะ และเห็นคามิยามะเป็นศัตรูเต็มๆ

  ฟูจิโมโตะ คิอิจิ หัวโจกโรงเรียนมานิเอล ต่อยตีเก่งเป็นที่นับถือแก่ลูกน้อง แต่เบื้องหลังนั้น เขาเป็นชาวเน็ตที่สุภาพ รักษามารยาทสุดๆ นามแฝงในเน็ตของเขาคือ 11pm พอเจออะไรไม่ถูกใจในเน็ตปุ๊ป ต้องออกมาระบายอารมณ์กับลูกน้องตัวเองปั๊บ

  จตุราชาแห่งคุโรมาตี้ กลุ่มปี3 (ต้นเรื่อง ปี2) ที่ครองคุโรมาตี้ทั้งปวง เป็นจตุราชาแท้ๆ แต่ดันมีกัน 5 คน ประกอบด้วย อิกะ มาซารุ (อิกะจัง), ฟุกุโทมิ อิซาโอะ (ทอมมี่), ยูริ งาโอกะ (ยูรี่), ทามิยามะ จิโร่ (ทามี่) และ โนจิ มาซาฮิโร่ (โนจิ) พวกเขาแต่งหน้าเป็นวง Kiss (ยกเว้น โนจิ ที่เพ้นท์หน้าต่างจากคนอื่น โดยเพ้นท์หน้าเป็น เกรท มูตะ นักมวยปล้ำญี่ปุ่น) กิจกรรมของพวกเขานั้นเสียเวลาไปกับการประชุมเนื้อหาไร้สาระที่คิดค้นโดย อิกะ หัวหน้าของจตุราชา กันทั้งวัน

  ปูทัน พิธีกรคู่หูดูโอ ประจำรายการตลกทางทีวี ประกอบด้วย ปูทัน กับ คู่หูปูทัน โดยพวกเขาจะโชว์ด้วยมุขตลกฝืดๆไร้สาระ แถมสวมชุดตุ๊กตาไปด้วย โดยรายการนี้ได้รับความนิยมมาก และเป็นที่มาของสำนวน"บั่นทอนปัญญา"

  พี่พูห์ บุรุษสวมชุดตุ๊กตาหมีแถมสวมหมวกแก๊ปสไตล์จิ๊กโก๋ญี่ปุ่นรุ่นเก่า เขาพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีสื่อสารด้วยการเขียน เขามีหน้าตา นิสัยน่ารักจนสามารถสยบ กลายเป็นที่นับถือของเหล่าเด็กเลวคุโรมาตี้ แต่เขาจะชกหน้ากับคนที่หาเรื่องอยากจะรู้ตัวจริงพี่พูห์ ซึ่งพักหลังๆเขามีชะตากรรมทำหัวหลุดหายไปๆจนเกิดเรื่องวุ่น

ป.ล.ตัวจริงของพี่พูห์นั้น กลับกลายเป็น เอย์จิ โนนากะ ผู้แต่งเรื่องนี้นั่นเอง ซึ่งปรากฏในตอนพิเศษของคุโรมาตี้ ในนิตยสารโชเน็นแมกกาซีน ปี 2005 เท่านั้น ไม่ปรากฏในฉบับรวมเล่มแต่อย่างใด

  ทาคาฮาชิ ฮิเดกิ บุรุษผู้สมบูรณ์แบบทุกอย่าง เป็นรุ่นพี่ของคามิยามะ แต่เขาชอบสวมใส่ "ไอ้นั่น" ไว้บนหัวเสมอ (แถมตอนนี้ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่า ตกลงมันคืออะไร แต่อย่างน้อยก็รู้ว่ามันสามารถทำให้คนบินได้,เรียกจานบินได้,หุงข้าวอร่อยขึ้น ฯลฯ)

  อิโต้ นักเรียนปีหนึ่งรร.คุโรมาตี้ ปรากฏตัวครั้งแรกเล่ม 14 เขานั้น มีฝีมือด้านต่อยตีดี แต่มักจะโดนคนอื่นๆ จำเขาสับกับกอริลล่า มีเพียงอันโด้ คนเดียวที่สามารถแยกแยะเขาก็กอริลล่าได้(แบบยากลำบาก?)

  เซโตะอุจิ แจ็คสัน หัวโจกโรงเรียนบาสุ มีบทบาทแค่เล่ม 2 จากนั้นก็หายไปเลย

  เคน ฮิราอิ (ฮิราอิซ้ำชั้น) รุ่นพี่จอมซ้ำชั้นของคามิยามะ มีบทบาทแค่เล่มแรกเท่านั้น


  Feedback ความนิยม


  สำหรับการ์ตูนแก๊กเรื่องนี้ ก็เคยลงในนิตยสารโชเน็น แมกกาซีน ปี 2001-2006 และไม่น่าเชื่อว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีที่ญี่ปุ่น ถึงขนาดเคยได้รับรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมสำนักพิมพ์โคดันฉะ ประเภท การ์ตูนผู้ชายในปี 2002 ต่อจากนั้นในปี 2003 การ์ตูนเรื่องนี้ก็ถูกนำไปทำเป็นอนิเมทางทีวี(และทาง True Vision ก็เพิ่งเอามาฉายทางช่อง Film Asia เมื่อปีที่แล้ว ) และต่อมาในปี 2005 ก็ทำเป็นภาพยนร์จอเงิน โดยนักแสดงหลักนั้นก็ยกมาจากเหล่านักแสดงจากมาสก์ไรเดอร์ภาคต่างๆเช่น ทาคามาสะ ซึงะ (มาสก์ ไรเดอร์ ริวคิ) รับบทเป็น คามิยามะ,มิตซึกิ โคกะ (ไรเดอร์ เคทารอส แห่ง มาสก์ ไรเดอร์ คาบูโตะ) รับบทเป็น ฮายาชิดะ ,ฮิโรยูกิ วาตานาเบ้ (มาสก์ ไรเดอร์ กาโอ แห่ง มาสก์ ไรเดอร์ เดนโอ)

  จากการตอบรับเป็นอย่างดี ก็ทำให้เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาต่างๆ โดยเฉพาะ ในฉบับภาษาอังกฤษที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้น ก็เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Eisner Award สาขาหนังสือการ์ตูนต่างชาติยอดเยี่ยมมาแล้ว ในปี 2006
  ถึงจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นตามมาเมื่อ ปี2005 นาย วอเรน โครมาตี้ นักเบสบอลชื่อดัง เคยฟ้องร้องกับ อ.เอย์จิ โนนากะ ผู้แต่งเรื่องนี้ รวมถึงทีมงานสร้างหนังเรื่องนี้ โดย วอเรน กล่าวหา ว่า เอานามสกุลของเขา ไปสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ตนเองในการ์ตูน (คือนามสกุลของเขา"โครมาตี้" อ่านแบบญี่ปุ่นเป็น "คุโรมาตี้"พอดี เลยเคือง)

  ในสำหรับเมืองไทยนั้น เรื่องนี้ลงใน KC Weekly เมื่อปี พ.ศ.2545 และเรื่องนี้ก็สร้างปรากฎการณ์ให้กับ KC Weekly นั่นก็คือ มีผู้อ่านจำนวนหนึ่งกลับต้องการให้ถอดเอาการ์ตูนเรื่องนี้ออก แต่ก็มีบางส่วนที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนกัน จนในที่สุด เมื่อปี2546 ทางสำนักพิมพ์ ก็ตัดสินใจวางแผงการ์ตูนเรื่องนี้ในฉบับรวมเล่มทีเดียวถึง 5 เล่มรวด และก็สร้างกระแสให้กับคนอ่านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกกลุ่มคนรักการ์ตูนทางเว็บบอร์ดจากหลายๆเว็บ และพูดกันปากต่อปากว่า มัน "บั่นทอนปัญญา"จริงๆ มิหนำซ้ำ หลายคนยังออกอาการ "ปูทันลิซึ่ม"อีกด้วย

  เกร็ดเล็กน้อย
- ชื่อโรงเรียนในคุโรมาตี้นั้นดัดแปลงมาจากนักกีฬาเบสบอลชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น นั่นคือ วอเรน โครมาตี้, ออเรสเทส เดสทราด(เดสโทราตี้), ชาลี มานูเอล(มานิเอล) และ แรนดี้ บาส(บาสุ)

- ปก DVD ของคุโรมาตี้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนั้น แต่ละแผ่น จะล้อเลียนปกอัลบั้มของวงดนตรีดัง เช่น
แผ่นที่ 1 ล้อ "Bohemian Rhapsody" อัลบั้ม Queen II ของ วงควีน
แผ่น 2 ล้อ "Hey Jude".ของวงThe Beatles อัลบั้ม Please Please Me
แผ่น 3 ล้อปกอัลบั้ม "Sailin' Shoes"ของวง LittleFeat
แผ่น 4 ล้อปกของวง Deep Purple อัลบั้ม Deep Purple in Rock ซึ่งเป็นรูป Mount Rushmore (ภูเขาแกะสลักรูปอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้ง 4 คน ซึ่งได้แก่ จอร์จ วอชิงตัน,โธมัส เจฟเฟอร์สัน,ธีโอดอร์ รูสเวลท์,อับราฮัม ลินคอล์น)

-ปกซีดีเพลงซาวด์แทรกของเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั้น ล้อเลียกปกอัลบั้ม Nevermind ของ Nirvana

-ชื่อตอนแต่ละตอนในเรื่อง มาจากชื่อเพลงดังๆของวงต่างๆ อาทิ Queen,The Beetle เป็นต้น (เป็นหลักฐานอย่างดีว่า อ.โนนากะ แกชอบฟังเพลงสากลเอามากๆ)

-ในฉบับอนิเมตอนสุดท้าย มีการนำการ์ตูน อย่าง Maria-sama ga Miteru และ DigiCharat มาล้อด้วย (ดูแล้วสยองใช้ได้เลย)


   ถกข้อสงสัย:เรื่องนี้มันขำตรงไหน?

  ก็เป็นหัวข้อที่น่าถกอีกเรื่องหนึ่งสำหรับคนอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ ที่แบ่งออกมาเป็น 2 พวก คือ พวกที่อ่านแล้วขำสุดๆ กับ พวกที่อ่านแล้วไม่เก็ตมุขพาลไม่ชอบเอา จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องนานาจิตตังของแต่ละคนที่ชอบกันคนละสไตล์ ซึ่งบางคนกำลังสงสัยว่าเรื่องนี้มันฮาตรงไหน อ่านยังไงๆก็ไม่ขำซักแอะ อยากจะหาน้ำมาล้างคอจริงๆ คนที่กำลังจะหาจุดฮาของเรื่องนี้ เราจะอธิบายให้ฟัง

  1.ลายเส้นของการ์ตูนเรื่องนี้ ถ้าใครเป็นแฟนการ์ตูนรุ่นเก่าหน่อย ประเภทแนวต่อยๆตีๆ พอเห็นลายเส้นแล้ว ก็จะรู้สึกคุ้นทันที ว่าเหมือนลายเส้นของอ.อิเคงามิ เรียวอิจิ เจ้าแห่งการ์ตูนแนวนี้ ทำให้บางคนอาจคิดว่า อ.เรียวอิจิเขียนเรื่องใหม่หรือเปล่า แต่ทำไมเนื้อเรื่องถึงดูติ๊งต๊องอย่างนั้น จะบอกให้ทราบว่า จริงๆแล้ว อ.เอย์จิ โนนากะ ผู้แต่ง เขาตั้งใจเลียนแบบลายเส้นของอ.ท่านนี้จริงๆ มิหนำซ้ำยังหยิบเอาตัวละครบางตัวของอ.ท่านนี้ มาเป็นตัวละครในคุโรมาตี้ด้วย อย่างเช่น โฮกุโตะ และลูกกระจ๊อกของโฮกุโตะ จากวีรบุรุษลหุโทษ

  2.เอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัว ถ้าคุณอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มปัจจุบัน จะพบว่าตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี้นั้น แต่ละคนช่างมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นซะจริงๆ อย่างเช่น คามิยามะ พระเอกของเรื่องดูผิวเผินจะเป็นคนที่เรียบร้อย แต่จริงแล้วก็เป็นคนที่มีฉลาด ออกกวนๆแบบหน้าตาเฉย หรือ ฮายาชิดะ จอมติ๊งต๊อง เฟรดดี้ เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ พูดก็ไม่พูด แต่ดันร้องเพลงได้ เมก้าซาวะ ตัวเป็นหุ่นยนต์ แต่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นคน(ปกติ)อยู่เรื่อย ทาเคโนะอุจิ ยูทากะ หัวโจกปี1คุโรมาตี้ แต่ดันเป็นโรคเมาพาหนะทุกชนิด ยามากุจิ โนโบรุ หัวโจกปี1เดสโทราตี้ เป็นคนที่พิถีพิถันกับมุขตลกมาก(แต่ดูยังไงก็เหมือนกับคนชอบคิดมากนะแหละ) เป็นต้น ซึ่งเอกลักษณ์เหล่านี้ ถ้าใครที่จดจำได้ ก็จะรู้สึกขำได้เลย

  3.มุขตลกส่วนใหญ่ในเรื่องล้วนเป็นตลกหน้าตาย สำหรับคนที่เคยอ่านการ์ตูนแนวตลกเรื่องที่ผ่านๆมานั้น คงต้องปรับตัวกันสักหน่อย เพราะ มันไม่ได้มองเห็นท่าทางแล้วมันจะตลกเลย คือ ต้องอ่านคำพูดของตัวละครทุกประโยค แล้วต้องคิดตามไปด้วย อ่านๆไปจะเห็นได้ชัดเจนว่าพวกตัวละครในเรื่องที่ทำท่าเหมือนจริงจัง แต่จริงๆแล้วพูดคุยกันเรื่องไร้สาระ พร้อมทั้งปล่อยมุขติ๊งต๊องหรือแกล้งโง่ได้อย่างหน้าตาเฉยเลยทีเดียว โดยเฉพาะ เฟรดดี้ บางคน แค่เห็นหน้าก็ขำแล้ว รวมถึงคามิยามะ พระเอกของเรื่องด้วย ตัวอย่างง่ายๆก็คือ ในเล่ม1 โฮกุโตก็ได้พูดโม้ไปต่างๆนานา ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เขาไม่เชื่อกัน แต่กลับกลายเป็นว่า คามิยามะและพรรคพวกกลับเชื่อในคำพูดของโฮกุโตะซะสนิท

  4.อ่านๆไป ก็จะพบว่า มุขตลกในแต่ละตอนนั้น มักจะตบมุขเด็ดในหน้าสุดท้ายของแต่ละตอน แถมส่วนใหญ่ล้อเลียนกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นทั่วๆไป ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไร้สาระ แล้วนำมาเสนอในหนังสือการ์ตูนได้เยอะ ซึ่งแต่ละมุขทีได้นั้นเป็นมุขหักมุมหรือเบี่ยงประเด็นแบบเหนือโลก ที่เราๆท่านๆบางคนอาจคิดหรือคาดเดาอะไรได้ไม่ไกลเท่า ประมาณว่าอยู่ๆคนเขียนมันนึกอะไรออกไป ก็ใส่ไปแบบนั้น จนผู้อ่านบางคนถึงกับเหวอรับประทาน หรือจะเรียกว่า โดนอาการบั่นทอนปัญญาเล่นงานซะแล้ว ขอให้ไปดูที่เล่ม4 ตอนที่โนโบรุนั่งรถไฟ แล้วได้ยินเสียงประกาศว่า ขอเชิญดาวตลกมาที่ตู้ที่2 โนโบรุก็คิดในใจต่างๆนานา ว่าเรียกดาวตลกไปทำอะไร (รวมถึงผู้อ่านด้วย) แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายไปซะงั้น หรือ มุขมารยาทบนเว็บบอร์ดของฟูจิโมโต้ พอเวลาเจอเรื่องอะไรไม่พอใจบนเน็ต ทำให้เขาถึงกับเครียดและหาทางระบายด้วยการซัดลูกน้องที่พูด หรือทำท่าทางคล้ายๆกับคนในเน็ตที่เขาพบเจอมา

  5.สำหรับข้อนี้ ถ้าใครที่เป็นคนที่ชอบอ่านการ์ตูนมากๆและเคยอ่านมาหลายเรื่อง จะพบว่า คนเขียนยังเอามุขของการ์ตูนบางเรื่องมาล้อเลียนด้วย เช่นในเล่ม1 คามิยามะก็ได้ล้อเลียนท่าทางของกรรมการขณะชิมอาหารของอากิยามะ จาง ในจอมโหดกระทะเหล็ก หรือ นอกจากนี้ยังดึงเอาม้า โกกุโอะ จากหมัดเทพเจ้าดาวเหนือมาเป็นคุณพี่ม้าของเฟรดดี้อีกด้วย,หรือจะเอาซีรี่ย์ Densha Otoko มาล้อเป็นหมีรถไฟ,หรือเอาไอ้หนูซูชิไปล้อเป็น ไอ้จ๋อซูชิ เป็นต้น รวมถึงผู้แต่งก็ยังเอาล้อเลียนคนดัง ตัวการ์ตูน มาใส่ในเรื่อง ทั้งนักฆ่า(เล่ม8) ก็มาจากคนเหล็กTerminator จตุราชา ก็มาจากวง Kiss เฟรดดี้ ก็ มาจากนักร้องนำวงQueenจริงๆ แถม ทาเคโนะอุจิ ยูทากะ กับ ทาเคชิโร่ ทาคาชิ ดาราดังของญี่ปุ่นก็โดนล้อเลียนเป็นตัวละครของเรื่องนี้ที่สาวๆเห็นแล้วคงจะสยองดีพิลึก(ฮา)

  6.ที่สำคัญ ถ้าไม่มีเขา คุณผู้อ่านอาจอ่านเรื่องนี้ไม่ตลกเลยก็เป็นได้ ต้องยกเครดิตให้กับคนแปลเรื่องนี้ เพราะบทพูดของแต่ละคนนั้นถ้าเป็นต้นฉบับจะเป็นแค่คำพูดธรรมดาทั่วๆไปเท่านั้นแต่ก็เพราะความสามารถของคนแปล ทำให้บทพูดนั้นมีสำนวนการพูดที่หลากหลาย หลากสไตล์ ราวกับสำนวนการพากย์หนังของพันธมิตร ถึงแม้บางทีอาจมั่วไปบ้าง แต่ก็ทำให้เราอ่านแล้วจี้เส้นทั้งมุขและคำพูดของคนแปลไปด้วย

  ที่สำคัญ เรื่องนี้ มันไม่ได้เน้นเอาฮาแบบหน้าตายอย่างเดียว แต่ยังแฝงถึงปรัชญาที่ใครหลายๆคนไม่คาดคิดมาก่อนด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปูทันโดน เฟรดดี้แย่งบทไป ก็เพราะ การที่ตัวเองไม่ยอมรับผิดชอบงานแจกลายเซ็นแต่กลับให้เฟรดดี้ไปทำแทน ซูชิกล้วยของกอริลล่า หรือ มุขความสุขเล็กๆน้อยๆ ซ่อนแบงค์ไว้หลังตู้ของหัวหน้าจตุราชา เป็นต้น

  พูดถึงจุดฮามามากแล้ว ก็ขอพูดถึงจุดด้อยของการ์ตูนเรื่องนี้ ที่ทำให้บางคนอ่านแล้วไม่ชอบ ก็คงจะเป็นมุขตลกหน้าตายนี่แหละ ซึ่งบางทีมันก็ออกจะเป็นมุขตลกวัฒนธรรมของเขา ที่เราอาจเข้าไม่ถึง มันก็เลยรู้สึกว่ามันฝืดจนเกินไปจนรู้สึกอยากจะถามผู้แต่งในใจว่า ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แถมบางตอนก็ยิงมุขซ้ำและถี่เกินไป ทำให้อ่านแล้วจะจับทางออก รู้สึกไม่ขำก็ได้ แต่ในเล่มหลังๆนั้นคนเขียนได้แฝงความเป็นปรัชญาที่เราคาดไม่ถึงมากขึ้น จนทำให้การ์ตูนคนบวมเรื่องนี้จะแปรสภาพจากการ์ตูนตลกกลายเป็นการ์ตูนปรัชญามากขึ้น


  Attention !!! คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มอ่านเรื่องนี้

-ให้อ่านทุกตัวอักษร ทุกบรรทัด อย่าสักมองแต่รูปเพียงอย่างเดียว

-ขณะอ่าน พยายามคิดถึง หรือเข้าถึงความโง่ ปญอ.ของตัวละครบางตัวด้วย

-ถ้าอ่าน1รอบแล้วไม่ขำ ต้องลองอ่านซ้ำอีกอย่างน้อย2รอบ

-ถ้าคุณพยายามอ่านยังไงก็ไม่ขำ ก็ไม่ว่าอะไรกัน เพราะถือว่าเป็นเรื่องปกติ


   

   

     
free hit counter javascript