บอกเล่าข่าวการ์ตูนประจำสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2-8 กันยายน 2556

บอกเล่าสรุปข่าวการ์ตูนประจำสัปดาห์ กลับมาอีกครั้ง กับสัปดาห์แรกในเดือน ก.ย. ที่มาถึงปุ๊บได้แต่ละเหี่ยใจกับข่าวการศึกษาบ้านเรา ที่ดูแล้วค่อนข้างจะวิกฤติ แถมคุณภาพนั้นก็ดันอยู่รั้งท้ายในกลุ่มอาเซียนซะงั้น (แต่ระดับกลางๆของโลก) ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ภาครัฐไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะว่ามันเป็นปัญหาสำคัญที่ควรจะแก้ไขเป็นอันดับต้นๆเลย....แต่พูดก็พูดเถอะนะ เหตุที่การศึกษาเราอยู่ในระดับเท่านี้ สาเหตุหลักๆก็มาจากบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ ที่ไม่ยอมเอาความรู้ที่ตนมีไปใช้ไม่ถูกจุด ไม่ยอมเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยส่วนรวมเลย กลับรังเอาแต่ไปใช้กับสิ่งต่างๆที่เป็นผลประโยชน์ที่เอื้อต่อตนเอง จนเกิดผลเสีย เกิดปัญหาสังคมต่างๆอีกนับไม่ถ้วน เห็นได้จากบรรดานักการเมือง พวกแกนนำชมรมรักการเมืองบ้าบอทั้งหลายแหล่ ที่ไม่ยอมให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่้สาวก จนเกิดการเล่นกีฬาสีตามท้องถนนเรื้อรังจนถึงทุกวันนี้ เท่านั้นไม่พอ ผู้ทรงเกลียดบางส่วนในสภาก็เอาแต่ความรู้ของตนมาโจมตีใส่กันไปมาน่าเบื่อ แทนที่จะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองร่วมกัน และที่สำคัญ พอไม่พออกพอใจอะไร ก็จะพยายามทำสภาให้กลายเป็นเวทีมวยปล้ำทุกทีๆ (ดีไม่ดี ต่อไปคงได้เห็นสส.ใส่ท่าไม้ตายมวยปล้ำจับกดนับสาม กันในสภาแหงๆ นอกจากจะเอาเก้าอี้มาขว้างกัน เหอๆ ) อ้อ รวมไปถึง นักวิชาการบางท่าน ที่ไม่ยอมเอาความรู้ที่มี ชี้แจงให้เกิดประโยชน์ กลับไปออกความเห็น เสนอความเห็นอะไรก็ไม่รู้ ให้ชาวบ้านเค้าหัวเราะเยาะ ชวนคนโสดเค้าไม่พอใจกันอีกแน่ะ

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อบรรดาปชช.ธรรมดา ที่มีความรู้แค่ไหน ก็มีอยู่เท่านั้น ได้เห็นคนจุดธูปขอหวยกับต้นไม้ สัตว์ กันเหมือนเดิม หรือจะเป็นการอ่านหนังสือ จับใจความของใครหลายคน ที่นับวันเริ่มแย่ทุกที เห็นได้จากกรณีนักวิชาการท่านนั้นที่ออกความเห้นเรื่องภาษีคนโสด แต่ก็ถูกหาว่าเป็นนโยบายอะไรๆก็คนแรก อันแรกของรบ.ไปซะงั้น (ทั้งๆที่เรื่องนี้ รบ.ไม่เกี่ยว) รวมไปถึง เรื่องของการ์ตูนถูกเซ็นเซอร์ ตัดฉาก แปะเรตติ้งผิด ก็ยังจะมีคอการ์ตูนส่วนหนึ่งอุตส่าห์หาว่าเค้าไปแบนเรื่องนู้นเรื่องนี้ ไปก่อดราม่า ต้มมาม่ากินอย่างเอร็ดอร่อยหนุกหนาน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากเข้าใจผิด ตีความผิดจนเกินเลยแล้ว ก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของคอการ์ตูนโดยรวม ที่อาจถูกคนนอกมองในแง่ลบ เช่นกัน

.....เฮ้อ!! วันนี้ขอพิมพ์เกริ่นยาวหน่อยนะฮะ เอาล่ะ ไปติดตามข่าวการ์ตูนประจำสัปดาห์กันเลย!!!!

สำนักข่าว K-D News (kartoon-discovery.com)
สามารถอัพเดทข่าวสารเว็บเราได้ผ่าน Twitter และ Facebook


หากนำข่าวจากเราไปเผยแพร่ที่อื่น รบกวนใส่เครดิตให้กับทางเราด้วยครับ ขอบคุณครับ

New Release Comics of the Week: มนตราแผ่ซ่าน กับ Magi 14

การ์ตูนออกใหม่ประจำสัปดาห์แรกเดือน ก.ย. เริ่มจาก MAGI - The Labyrinth of Magic  เล่ม 14 เวทมนตร์ของโอม มาโดร่า ถูกปิดผนึก ความจริงของฮาคุริวเองก็ถูกเปิดเผย!!  ความโกรธและความเกลียดชังที่หลับใหลอยู่ในใจฮาคุริวคืออะไรกันแน่!?  และแล้ว เวทีก็มาสู่ประเทศแห่งเวทมนตร์ มัคโนชุตัท!!

ความหายนะของเคียวน์ & โคอิซึมิ อีกหนึ่งบทภาคแยกของฮารุฮิ พบกับรวมเรื่องราวอันแสนสนุกสนานและชวนหัวของสมาชิกกองกำลัง SOS นำโดยเคียวน์และโคอิซึมิ ให้แฟนๆสาวๆได้อ่านจิ้นกันหนุกๆ


The Shock  เรื่องเล่าโรงเรียนเฮี้ยน เล่ม 1 ซีรี่ย์การ์ตูนไทยดัดแปลงจากรายการหนึ่ง โดยพี่ป๋องจะพาท่านไปพิสูจน์เรื่องราวลึกลับเขย่าขวัญตามโรงเรียนต่างๆ

ชานะ นักรบเนตรอัคคี เล่ม 10 บทสรุปของสาวน้อยผมสีเพลิง หลังกำจัดพี่น้องผู้ลุ่มหลง เมืองมิซากิก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ชานะกับยูจิจึงตระเวนร้านขนมปังราวกับจะโหยหาความสงบสุขเพียงชั่ววูบ  ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ที่เดินเคียงข้างกันนั้น...

มาคลายเคลียดกับซีรี่ย์ครอบครัวสุดเสื่อม กับ โอซาว่า ฮายกครัว  เล่ม 25 และ โอซาว่า ฮาฮอทฮิต เล่ม 2 ภาค อากาเนะจัดหนัก



เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ:Neon Genesis Evangelion โครงการพัฒนา ฮิคาริ ชินจิ เล่ม 10,อัศวินอวกาศ เล่ม 8,Maid Guy นายเมดสุดแสบ เล่ม 9,LIMIT ลิมิต เล่ม 4 ,โอตาคุน่องเหล็ก เล่ม 25 ,Mardock Scramble  เล่ม 7 (จบ),โอเคะ โนะ มอนโช เล่ม 58,เจ้าสาวแห่งทางสายไหม เล่ม 4,Switch Girl! สวิตช์ เกิร์ล!! เล่ม 11

 

 

 


 

ฮายาโอะ มิยาซากิ รีไทร์จากการทำหนังใหญ่

ถือเป็นข่าวใหญ่ชวนใจหายของคอการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ เมื่อ โคจิ โฮชิโนะ ประธานของ Studio Ghibli ได้แจ้งในระหว่างการแถลงข่าวในงาน Venice Film Festival ประเทศอิตาลี ว่า ฮายาโอะ มิยาซากิ ยอดผกก.อนิเมมือทองของ Ghibli หลากหลายเรื่อง ได้วางมือจากการทำหนังยาวแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการระบุว่า มิยาซากิ จะหันเหไปทำโปรเจ็คหนังสั้นแทน หรือ ทำโปรเจ็คอื่นๆที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

โดย The Wind Rises (Kaze Tachinu) คือหนังอนิเมเรื่องล่าสุด (และจะเป็นหนังยาวเรื่องสุดท้าย) ของผกก.วัย 72 ปี ผู้นี้ กำลังเข้าฉายในโรงหนังที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ 20 ก.ค. เป็นต้นมา ซึ่งหนังดังกล่าว ได้ออกฉายในงาน Venice Film Festival ที่จัดขึ้นช่วงวันที่ 28 ส.ค. - 7 ก.ย. 2013

มิยาซากิ เข้าสู่วงการอนิเมครั้งแรกเมื่อช่วงยุค 70 กับการมีส่วนร่วมในผลงานอนิเมซีรี่ย์ทางทีวีอย่าง Lupin III, Future Boy Conan, และ Sherlock Hound ก่อนจะก้าวมาเป็นผกก.หนังอนิเมหนแรกในชีวิตกับ Lupin III: The Castle of Cagliostro จากนั้นเขาก็มีผลงานการกำกับหนังอนิเมมากมาย เช่น Nausicaä of the Valley of the Wind , Laputa: Castle in the Sky, My Neighbor Totoro, Kiki's Delivery Service, Porco Rosso, Princess Mononoke, Spirited Away, Howl's Moving Castle, Ponyo, และ The Wind Rises โดยเฉพาะกับ Spirited Away นั้น ถือเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเขา แถมยังสามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขาหนังอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เมื่อปี 2003 ได้อีกด้วย นอกจากนี้ เขายังมีผลงานโปรเจ็คหนังสั้นอื่นๆ กับ ผกก.อิซาโอะ ทาคาฮาตะ กับ พิพิธภัณฑ์ Ghibli อีกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ข่าวนี้จะออกมานั้น มิยาซากิ เคยให้สัมภาษณ์กับรายการทีวีของ TBS เกี่ยวกับภาคต่อของ Nausicaä ซึ่งเขาตอบว่า หากเรื่องนี้มีโปรเจ็คภาคต่อเมื่อไหร่ เขาจะให้ ฮิเดอากิ อันโนะ ผกก.Evangelion และเป็นเพื่อนซี้ของเขามานาน มารับหน้าที่กำกับแทน......และจากคำให้สัมภาษณ์ของเขา กลับกลายเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเตรียมปลดระวางของเขาซะแล้ว!!


แหล่งข่าว: NHK,animenewsnetwork.com

 


ถ้อยคำแถลงการณ์วางมือของ ฮายาโอะ มิยาซากิ

ยังคงเกาะติดข่าวการประกาศรีไทร์ของผกก.ฮายาโอะ มิยาซากิ จาก Studio Ghibli กันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มิยาซากิ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ห้องแถลงข่าวแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว เมื่อ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา

มิยาซากิกล่าวถึงเรื่องการประกาศรีไทร์จากบทบาทการทำหนังว่า "ผมเชื่อว่า หลายคนคงกำลังคิดไปตามๆกันว่า 'โอ้! เขาบอกว่า เขากำลังจะรีไทร์อีกแล้วเหรอ ' แต่ในครั้งนี้ ผมซีเรียสจริงๆนะ" ซึ่งเขายังได้เปิดเผยต่อว่า ถึงแม้เขาจะสนุกสนานไปกับการทำงานในฐานะอนิเมเตอร์และบทบาทหน้าที่อื่นๆ แต่เขากลับไม่เคยมีความสุขในฐานะของผู้กำกับเลย นับตั้งแต่ที่เขามารับหน้าที่นี้ ก็มีเรื่องต่างๆให้ตัดสินใจอยู่มากมาย

ถึงแม้ว่าเขาจะบอกกับนักข่าวว่า เขาขอพักผ่อนยาวในช่วงที่เขาได้วางมือ ก็จริง แต่คำว่าพักผ่อนในที่นี้นั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการพักผ่อนรีแลกซ์เลย เขากล่าวว่า "เมื่อผมได้ทำงานกับสิ่งที่ผมชอบ งานเหล่านี้แหละ มันคือ การพักผ่อนที่ผมต้องการ หากผมหลับนอนเมื่อไหร่ ผมจะไม่ได้พักผ่อนเลย" จากนั้นเขาได้พูดถึงบรรดาอาสาสมัครของพิพิธภัณฑ์ Ghibli พร้อมหยอดมุขตลกว่า ตัวเขาอาจได้ถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ช้าก็เร็วล่ะ

เมื่อเขาถูกซักถามเกี่ยวกับการประกาศรีไทร์อย่างเป็นทางการ เขาตอบว่า "ผมไม่ได้คิดจะประกาศเรื่องนี้เลย ผมก็แค่บอกเรื่องนี้ให้ทางสต๊าฟได้รับรู้ ซึ่งโปรดิวเซอร์ โทชิโอะ ซึซึกิ บอกว่า มันคงเป็นเรื่องยากแน่ๆ หากเขาจะเป็นคนตอบคำถามเรื่องนี้แทน ฉะนั้น เราเลยตัดสินใจที่จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะเลย แต่ว่า สตูดิโอมันเล็กเกินไป เลยมาจัดการแถลงข่าวกันที่นี่แทน แต่ว่าเราไม่ได้วางแผนที่จะมาแถลงข่าวกันแบบนี้หรอก"

จากนั้นก็มีนักข่าวจากฮ่องกงมาทักมิยาซากิเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่ลดลงไปจากเมื่อก่อน ซึ่งเขาตอบว่า เป็นเพราะเขาเคยอ้วนกว่านี้ ในช่วงหลังที่เขาได้แต่งงาน และจากนั้นน้ำหนักตัวก็ลดลงตัวเรื่อยๆ จนถึงระดับที่เหมาะสม "พอผมกลับไปดูภาพถ่ายของผมเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นผมน่ะอ้วนเหมือนหมูจริงๆนะแหละ"

เมื่อนักข่าวถามถึงหนังเรื่องอื่นๆที่เขาอยากจะทำ เขาตอบมาว่า มีหนังอยู่หลายเรื่องที่ยังไม่ถูกสร้าง ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นต่างก็เหตุผลสำคัญๆที่ทำให้หนังเรื่องนั้นๆไม่มีการทำออกมา อย่างไรก็ตาม เรื่องเหตุผลที่ว่ามานี้ไม่สามารถนำออกมาเปิดเผยได้ จากนั้นเขาก็ถูกซักถามเกี่ยวกับ แผนการเกี่ยวกับหนังภาคสองของ Nausicaä of the Valley of the Wind ซึ่งมิยาซากิตอบเพียงสั้นๆพร้อมกับรอยยิ้มว่า "ไม่ครับ"

อีกทั้ง มิซายากิ ยังยืนยันเกี่ยวกับไอเดียของ The Wind Rises หนังเรื่องที่ 11 และเป็นผลงานการกำกับเรื่องสุดท้ายของเขาว่า ไม่ได้มีแรงบันดาลใจมาจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2011 มันเป็นไอเดียที่เขาคิดไว้นานแล้ว ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนั้นซะอีก รวมถึงมิยาซากิได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสวิจารณ์ด้านลบของหนังเรื่องนี้จากสื่อเกาหลีและญี่ปุ่นว่า "มันเป็นเรื่องของการทหาร ผมคิดว่ามันมีความคิดเห็นออกมาอย่างหลากหลาย อย่างไรก็ตาม คุณคงไม่เข้าใจในตัวหนังแน่ๆ นอกเสียจากคุณจะได้รับชมมัน กรุณาไปซื้อตั๋วหนังและไปดูหนังกันนะครับ อย่าสักเอาแต่แสดงความเห็นโดยที่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวหนังเลยนะครับ"

นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างการแถลงข่าวประกาศรีไทร์ของมิยาซากินั้น ซึซึกิ โปรดิวเซอร์ของ Ghibli ได้แจ้งว่า จะมีหนังเรื่องใหม่ล่าสุดของ Ghibli ออกฉายในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 ด้วย ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าว อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ และไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับตัวหนังได้ในตอนนี้


แหล่งข่าว: animenewsnetwork.com

 


 

Miyazaki Effect!!.... Porco Rosso เสียบฉายแทน Wolverine และ ยอดเช่าหนังของ Ghibli เพิ่มขึ้น หลังการประกาศรีไทร์ของยอดผกก.Ghibli

จากข่าวการประกาศรีไทร์ของ ฮายาโอะ มิยาซากิ จากการทำหนังใหญ่ นั้น ทำให้ทางช่อง NTV ของญี่ปุ่น ได้ตอบรับกับข่าวนี้ ด้วยการตัดสินใจปรับเปลี่ยนผังรายการ โดยการเตรียมออกฉายรีรันหนังอนิเม Porco Rosso หนึ่งในผลงานของมิยาซากิ อีกครั้ง ในวันที่ 6 ก.ย. 2013 จากเดิมที่มีกำหนดจะออกฉายหนังเรื่อง X-Men Origins: Wolverine ในวันดังกล่าว ซึ่งโปรดิวเซอร์ของ NTV ได้ให้เหตุผลการตัดสินใจเอาหนังอนิเมหมูขับเครื่องบิน Porco Rosso มาฉายในช่วงเวลาดังกล่าวแทนหนัง Wolverine ว่า เพราะ Porco Rosso นั้น มีอารมณ์ที่ใกล้เคียงกับ The Wind Rises หนังเรื่องล่าสุดของผกก.มิยาซากิเลย ในแง่ของตัวละครหลักที่มีความชื่นชอบเครื่องบิน ในช่วงปี 1920 เช่นกัน

ไม่เพียงแค่นั้น จากการรีไทร์ของผกก.มิยาซากิ นั่นเอง ได้ส่งผลให้ ยอดขายและยอดเช่าของหนังอนิเม Ghibli เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกับร้านเช่าวีดีโอร้านหนึ่งในชิบุยะ กรุงโตเกียว นั่น มีแฟนๆต่างพากันแห่เช่าแผ่นผลงานของมิยาซากิเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากนับรวมทุกสาขาของร้านดังกล่าวทั่วญี่ปุ่นแล้วนั้น พบว่า ในช่วงปี 1983 - ส.ค. 2013 มีแฟนๆพากันเช่าแผ่นผลงานของมิยาซากิ มากกว่า 22.55 ล้านครั้ง ในช่วงระยะเวลา 30 ปี เลยทีเดียว

ปัจจุบัน The Wind Rises ยังครองอันดับ 1 Box Office ญี่ปุ่นอย่างไร้เทียมทาน เป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน นับจากออกฉายครั้งแรก 20 ก.ค. 2013 โดยข้อมูลจาก TOHO ระบุว่า หนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้รวมกัน 8,848,006,850 เยน และขายตั๋วได้ 7,148,485 ใบ ชณะที่ นสพ. Sports Hochi รายงานว่า ตัวหนังได้ทะลุหลัก 10 พันล้านเยน แซงหน้า Toy Story 3 ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2010 และมีแนวโน้มจะโกยรายได้แตะถึง 15 พันล้านเยน เทียบเท่ากับ Ponyo หนังเรื่องก่อนหน้าของมิยาซากิ อีกด้วย


แหล่งข่าว: Mainichi Shimbun's Mantan Web, NHK, Sports Hochi,animenewsnetwork.com

 


Sweet Poolside ผลงานการ์ตูนของผู้แต่ง "รักโรคจิต" กำลังจะกลายเป็นหนังคนแสดง

จากความสำเร็จของซีรี่ย์ดอกไม้นรกสุดฉาว Aku no Hana หรือ รักโรคจิต นั้น ก็ส่งผลถึงผลงานซีรี่ย์การ์ตูนเรื่องอื่นๆของ อ.ชูโซ โอชิมิ ผู้แต่งเรื่องนี้ ที่กำลังจะมีโปรเจ็คอื่นๆตามมาเช่นกัน ล่าสุดมีรายงานว่า Sweet Poolside ผลงานการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งของ อ. โอชิมิ กำลังจะได้รับการดัดแปลงเป็นหนังจอเงินคนแสดงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ได้ ไดโงะ มัตซุย (Daily Lives of High School Boys คนแสดง , Afro Tanaka) มารับหน้าที่กำกับและเขียนบท ขณะที่ เคนตะ ซึงะ (Kamen Rider x Super Sentai x Uchū Keiji Super Hero Taisen Z) กับ ยุยโกะ คาริยะ (Suzuki-sensei) มาแสดงในบทนำของเรื่อง และ Lulu Gyaban มาขับร้องเพลงประกอบหนังที่มีชื่อว่า Love Shout! โดยตัวหนังมีกำหนดออกฉายทั่วญี่ปุ่น ในปี 2014

การ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนแนวว่ายน้ำที่ออกแนวฮาคลายเครียด มากกว่า Aku no Hana เสียอีก เรื่องราวของ โทชิฮิโกะ โอตะ (ซึงะ) หนุ่มชมรมว่ายน้ำ ผู้มีความผิดปกติตรงที่เขาไม่มีขนผิวหนังเลย ซึ่งต่อมาเขาได้พบกับ อายาโกะ โกโต้ (คาริยะ) สาวเพื่อนร่วมชมรมที่ดันมีขนผิวหนังยาวกว่าหญิงสาวแท้ๆ ซะอีก ...โดยเรื่องนี้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Young Magazine ปี 2004 ก่อนจะกลับมาตีพิมพ์อีกครั้งในช่วงสั้นๆ ในนิตยสาร Bessatsu Shōnen Magazine ช่วงเดือน พ.ค. - ส.ค. 2011

......เชื่อว่าจากข่าวนี้ แฟนๆ Aku no Hana คงอยากให้ซีรี่ย์รักโรคจิตทำออกมาในรูปแบบคนแสดงจริงๆ เช่นเดียวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน!!! (เผลอคนอยากดู Aku no Hana ในแบบคนแสดงมากกว่าอนิเมซะด้วยซ้ำ!!!)



แหล่งข่าวและรูปภาพ : Comic Natalie,animenewsnetwork.com


จอเงิน Index ฉบับมังงะ จบลงที่ 2 เล่ม

เว็บไซต์ Amazon ได้ระบุว่า ฉบับรวมเล่ม 2 ของการ์ตูนชุด Toaru Majutsu no Index: Endymion no Kiseki ที่ดัดแปลงมาจากหนังจอเงินชื่อเดียวกันของ Index นั้น เป็นฉบับการ์ตูนเล่มสุดท้ายของเรื่องนี้แล้ว ซึ่งฉบับการ์ตูนดังกล่าววาดโดย อ.เรียวสุเกะ อาซากุระ

เรื่องราวของ Toaru Majutsu no Index: Endymion no Kiseki นั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่ Endymion ลิฟต์โคจรแห่งนครแห่งการศึกษาจะสร้างเสร็จ เมื่อ Index กับ โทมะ สองตัวเอกประจำเรื่องนี้ ได้พบเจอกับ อาริสะ สาวเลเวล 0 ที่กำลังหลบหนีการตามล่าของเหล่านักเวท จนเกิดการต่อสู้ขึ้น ทำให้ Shattoaura ตัดสินใจพากองกำลังแห่งนครแห่งการศึกษาเข้าต่อสู้กับพวกนักเวทอย่างสุดกำลัง ในระหว่างนั้น ทั้ง Index กับ โทมะ ต่างรู้ความจริงจาก Stiyl ว่า อาริสะ เป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่สงครามความขัดแย้งระหว่างฝั่งเวทและฝั่งวิทย์ โดยแผ่น BD กับ DVD ของหนังชุดนี้ เพิ่งออกวางขายไปเมื่อ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา

แหล่งข่าว: animenewsnetwork.com



Chibi Maruko-chan , Rozen Maiden กลับมาอีกครั้งในรูปแบบการ์ตูนสั้น ลงนิตยสาร Ribon

นอกจาก Chibi Maruko-chan หรือ มารุโกะจอมกวน กำลังจะกลับมาในรูปแบบละครซีรี่ย์คนแสดงกันอีกครั้งนึงแล้วนั้น ซีรี่ย์การ์ตูนต้นฉบับของอ.โมโมโกะ ซากุระ ก็กำลังจะกลับมาด้วยเช่นกัน โดยเว็บไซต์หลักของนิตยสาร Ribon แจ้งว่า อ.ซากุระ จะกลับมาเขียนตอนสั้นของมารุโกะจัง ตอนล่าสุดลงในนิตยสารดังกล่าว ฉบับ พ.ย. ที่จะวางขายในวันที่ 3 ต.ค. นี้ ซึ่งตอนสั้นฉลองการคืนสู่เหย้าดังกล่าว มีชื่อตอนว่า "Maruko, Matsutake wo Hoshigaru" (Maruko, Wanting Matsutake Mushrooms) โดยตีพิมพ์ทั้งหมดจำนวน 21 หน้า พร้อมหน้าเปิดสี่สี

โดยมารุโกะจัง ลงตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Ribon ช่วงปี 1986-1996 ก่อนจะไปเขียนเวอร์ชั่นการืตูนแก๊กสี่ช่องลงในหนังสือพิมพ์ ช่วงปี 2007-2011 โดยฉบับอนิเมของเรื่องนี้นั้น มีเรตติ้งสูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Sazae-san และเพิ่งฉายครบตอนที่ 1,000 เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งละครคนแสดงของมารุโกะจังเวอร์ชั่นใหม่ มีกำหนดออกฉาย 1 ต.ค. นี้

นอกจากนี้ Ribon ฉบับล่าสุด ฉบับเดือน ต.ค. ยังได้ลงตีพิมพ์ ตอนสั้นพิเศษของ Rozen Maiden ซีรี่ย์ตุ๊กตากลเรื่องดังของ Peach-Pit อีกด้วย ซึ่งตอนพิเศษจำนวน 16 หน้าของ Rozen Maiden นั้น เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ ชินคุ และเหล่าตุ๊กตากลคนอื่นๆ ก่อนที่พวกเธอเหล่านี้จะได้พบเจอกับจุน และการ์ตูนตอนสั้นของ Rozen Maiden ชุดนี้เอง ถือเป็นครั้งแรกที่ Peach-Pit ได้เขียนให้กับ Ribon อย่างเป็นทางการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Rozen Maiden เคยตีพิมพ์ลงใน Ribon ครั้งหนึ่งเหมือนกัน แต่ในครั้งนั้น เป็นเพียงภาคแยกที่เขียนโดย อ.ฮารุ คารุกิ

Rozen Maiden เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Comic Birz ของสนพ.เก็นโตฉะ เมื่อปี 2002 และจากความขัดแย้งระหองระแหงกันระหว่าง Peach-Pit กับ ต้นสังกัดเก่า ทำให้พวกเธอตัดสินใจย้ายสังกัดใหม่ ไปตีพิมพ์เรื่องนี้ลงในนิตยสาร Young Jump ของ ชูเอย์ฉะ เมื่อปี 2008 แทน ปัจจุบันเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมหลายชุด โดยมี Rozen Maiden Zurückspulen อนิเมชุดล่าสุด ออกฉายตั้งแต่ ก.ค. 2013 เป็นต้นมา


 

แหล่งข่าวและรูปภาพ : Comic Natalie,animenewsnetwork.com

 



เผยตัวละครสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่ ใน จอเงินชุด 3 ของ Madoka Magica

เว็บไซต์หลักของ Puella Magi Madoka Magica ได้อัพเดตภาพใหม่ล่าสุดจาก Madoka Magica The Movie -Rebellion- (Gekijō-ban Mahō Shōjo Madoka Magica Shinpen: Hangyaku no Monogatari) หนังอนิเมชุด 3 ของเรื่องนี้ ซึ่งในภาพดังกล่าว ได้เผยโฉมสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่ที่จะมีบทบาทในหนังชุดนี้ ซึ่งมีนามว่า นางิสะ โมโมเอะ ที่จะพากย์เสียงโดย คานะ อาสึมิ เจ้าของเสียงพากย์ Nyarko จาก Nyarko-san นั่นเอง โดยรายละเอียดของตัวละครสาวน้อยเวทมนตร์หน้าเด็กผู้นี้นั้น ยังเป็นความลับ ไม่ได้ระบุว่า เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เพื่ออะไร และ เหตุไฉน เธอจึงมาปรากฏตัวในหนังชุดนี้

Madoka Magica The Movie -Rebellion- เป็นหนังของมาโดกะ ที่มีเนื้อหาแต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยเป็นเหตุการณ์หลังจากที่ มาโดกะ จากไปโดยเหลือเพียงความทรงจำแก่ โฮมุระ เท่านั้น ทำให้ โฮมุระ ต้องสู้อย่างโดดเดี่ยวบนโลกที่มาโดกะได้ทิ้งไว้ ความฝันแห่งการพบเจอกันของเธอทั้งคู่ ทำให้เกิดรอยยิ้มในวันวานขึ้นอีกครั้ง

หนังชุดนี้กำกับโดย อาคิยูกิ ชินโบ และ ยูกิฮิโระ มิยาโมโตะ ณ สตูดิโอ SHAFT , ออกแบบตัวละครโดย อุเมะ อาโอกิ (Hidamari Sketch) ขณะที่ ยูกิ คาจิอุระ เป็นผู้แต่งดนตรี ส่วน ClariS กับ Kalafina มาร้องเพลงเปิด-ปิด ให้กับเรื่อง กับเพลง "Colorful" และ "Kimi no Gin no Niwa" (Your Silver Garden) ตามลำดับ ในส่วนของนักพากย์ ยังคงยกทีมจากอนิเมซีรี่ย์และหนัง 2 ภาคแรก ประกอบด้วย อาโออิ ยูกิ (มาโดกะ), จิวะ ไซโตะ (โฮมุระ), เอริ คิตามุระ (ซายากะ), คาโอริ มิซึฮาชิ (มามิ) , ไอ โนนากะ (เคียวโกะ) และ เอมิริ คาโต้ (คิวเบย์) โดยมีกำหนดออกฉายอย่างเป็นทางการ 26 ต.ค. นี้



แหล่งข่าวและรูปภาพ: animenewsnetwork.com

 


ลาก่อน สวนสนุก "อุลตร้าแมน"

เชื่อว่า ข่าวนี้ บรรดาคอหนังแปลงร่างคงจะรู้กันมาบ้างแล้วล่ะนะ สำหรับ สวนสนุก Ultramanland สวนสนุกธีมยอดมนุษย์อุลตร้าแมน ที่ตั้งอยู่ในเมือง อาราโอะ จ.คุมาโมโตะ ได้ปิดตัวลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 1 ก.ย. 2013 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง 17 ปี นับตั้งแต่ มี.ค. 1996 ซึ่งใน 2 วันสุดท้ายของสวนสนุกแห่งนี้นั้น ได้เปิดให้บริการเร็วขึ้นกว่าปกติ 2 ชั่วโมง คือ 8.00-18.30 น. และ ในวันสุดท้ายของสวนสนุกแห่งนี้ ได้มีการจัดพิธีอำลาอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่แฟนๆ เมื่อช่วงเวลา 19.45 น.

ซึ่งสาเหตุหลักที่สวนสนุกแห่งนี้ปิดตัวไปนั้น ก็เนื่องมาจากยอดผู้เข้าชมสวนสนุกแห่งนี้ได้ลดน้อยลงอย่างน่าใจหายในทุกๆปี นั่นเอง



แหล่งข่าว: NHK , Otakomu,animenewsnetwork.com



จอเงิน Anohana เปิดตัว 198 ล้านเยน

Cinema Ranking Tsūshin ได้รายงานว่า หนังอนิเมจอเงินของ Anohana สามารถจำหน่ายตั๋วได้ 161,225 ใบ และทำรายได้ 198,177,700 เยน จากการออกฉาย 64 โรง ช่วงสุดสัปดาห์แรก เมื่อ 31 ส.ค. 2013 และติดอันดับ 3 ในชาร์ตได้สำเร็จ..... ซึ่งหนังจอเงินของ Anohana นั้น จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวใหม่ในมุมมองของเม็นมะ แทน

แหล่งข่าว:Hachima Kikō,animenewsnetwork.com



ริวอิจิ คาเนโกะ นักเขียน และ ที่ปรึกษาด้านไซไฟให้กับอนิเมหลากเรื่อง เสียชีวิตแล้ว

มีรายงานจาก twitter ส่วนตัวของศิลปินนาม ฮิโระ อาดาจิ ได้แจ้งว่า ริวอิจิ คาเนโกะ นักเขียนนิยายแนวไซไฟ และ มีส่วนร่วมในด้านเป็นที่ปรึกษาให้กับอนิเมบางเรื่อง ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากต่อสู้กับอาการเส้นเลือดในสมองแตก นับตั้งแต่ช่วงก่อนซัมเมอร์ 2013 เป็นต้นมา ซึ่งเขาได้เข้ารับการผ่าตัดสมองเมื่อ 28 ส.ค. ก่อนอาการจะทรุดหนักจนไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถหายใจได้อีกต่อไป และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

คาเนโกะ เกิดเมื่อปี 1956 มีผลงานในการเป็นที่ปรึกษา และ ดูแลรับผิดชอบด้านข้อมูลเนื้อหาไซไฟ ให้กับอนิเมเรื่องต่างๆ อาทิ Uchu Kubo Blue Noah, Kyoryu Wakusei, Gene Diver, Kyuumei Senshi Nanosaver , Elementhunters และ RahXephon นอกจากนี้ เขายังเขียนหนังสืออ้างอิงที่รวบรวมข้อมูลไซไฟที่เขาได้ศึกษาเองอีกจำนวนหนึ่ง โดยมี Zowa Zowa Shita Ikimono-tachi: Koseidaii no Kyodai Sessoku Dobutsu (Fidgeting Organisms: Giant Arthropods of the Paleozoic Era, pictured above right) คือ หนังสือเล่มล่าสุด แบะเป็นเล่มสุดท้ายในชีวิตของเขา ตีพิมพ์ออกวางขายเมื่อปี 2012


 

แหล่งข่าว: Hachima Kikō,animenewsnetwork.com

 


Premium Bandai เปิดสั่งจองตุ๊กตาโดราเอมอน ขนาดไซส์จริง ราคามหาศาล!!

ในปี 2013 นี้ ก็ประจวบเหมาะพอดีที่เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี ของ อ.ฮิโรชิ ฟูจิโมโตะ หรือ Fujiko F Fujio พอดี เลยทำให้ทาง Premium Bandai ได้เอาใจบรรดาแฟนคลับโดราเอมอนทุนหนาปึ๊ก ไม่กลัวกระเป๋าฉีก ด้วยการเปิดสั่งจองตุ๊กตาโดราเอมอน ขนาดไซส์จริง กันล่วงหน้า โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ก.ย. 2013 ที่ผ่านมา (ตรงกับวันเกิดโดราเอมอนพอดี) ตุ๊กตาดังกล่าว ทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ มีความสูง 129.3 ซม. แต่หนักแค่ 11.3 กก. เท่านั้น สนนในราคาสูงลิบลิ่วถึง 194,250 เยน และมีกำหนดจัดส่งสินค้าถึงบ้านในเดือน ธ.ค. 2013 และเนื่องจากตุ๊กตาโดราเอมอนตัวนี้ มีขนาดใหญ่ ไซส์จริง จึงเหมาะสำหรับผู้มีอายุ 6 ปีขึ้นไป ได้นอนกอดเล่นกัน (แต่เอาเข้าจริง หลายคนคงอยากได้โดราเอมอน ตัวจริง อยู่เคียงข้างกันมากกว่าล่ะนะ )

โดราเอมอน ซีรี่ย์การ์ตูนขวัญใจเด็กทั่วโลก ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1969 โดย Fujiko Fujio (อ.ฟูจิโมโตะ กับ อ.โมโตโอะ อาบิโกะ ) ปัจจุบันมีอนิเมออกฉายมากถึง 1,787 ตอน , ภาพยนตร์และเกมวีดีโอจำนวนอีกหลายภาค รวมถึง ละครเพลงด้วย ซึ่งโดราเอมอน ได้รับเลือกจากนิตยสาร TIME ให้ติดเป็นหนึ่งในทำเนียบ ฮีโร่แห่งทวีปเอเชีย เมื่อปี 2002 เท่านั้นไม่พอ โดราเอมอน คว้ารางวัลยอดเยี่ยมหลายรายการ รวมถึง รางวัลชนะเลิศประเภทการ์ตูนเด็กยอดเยี่ยมของ Shogakukan Manga Award ครั้งที่ 1 และ รางวัลชนะเลิศของ Osamu Tezuka Culture Award ครั้งที่ 1 อีกด้วย


แหล่งข่าวและรูปภาพ:narinari.com , 0takomu,animenewsnetwork.com


จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อลุง Golgo13 มาปะทะกับ ครูต่างดาวจอมกวนแห่ง Assassin Classroom !!!!

น่าจับตามองเหมือนกัน ที่จู่ๆ คุณลุงนักฆ่ามือฉมัง จากซีรี่ย์การ์ตูนที่ตีพิมพ์มาอย่างยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น อย่าง Golgo13 จะมายืนประจันหน้ากับ โคโระ คุณครูมนุษย์ต่างดาวจอมกวนจาก Assassination Classroom ซีรี่ย์ฟอร์มแรงสดจากโชเน็นจัมป์ ไปซะได้ และเล่นเอาแฟนๆการ์ตูนพากันลุ้นว่า หาก 2 คนนี้ มาดวลกันจริงๆ ใครล่ะจะเป็นฝ่ายชนะกัน!!? แต่เอาเข้าจริง 2 คนนี้ก็ไม่ได้มาต่อสู้อะไรกันหรอก พวกเขาแค่ปรากฏตัวบนการ์ดที่มีการจัดทำพิเศษ เพื่อช่วยกันโปรโมทฉบับรวมเล่มล่าสุดของ 2 เรื่องนี้นั่นเอง โดย เล่ม 170 ของ Golgo13 เพิ่งออกวางขายไปเมื่อไม่กี่วัน ขณะที่ เล่ม 6 ของ Assassin Classroom มีกำหนดวางขายวันที่ 4 ต.ค. นี้ ซึ่งหากใครซื้อฉบับรวมเล่มล่าสุดของสองเรื่องดังกล่าว ก็จะได้รับการ์ดพิเศษนี้เก็บเอาไปสะสมกันครับ


แหล่งข่าวและรูปภาพ: crunchyroll.com


"นายซ่าท้าเด็กแนว" กำลังจะถูกรีเมคเป็นการ์ตูนเวอร์ชั่นแดนอิเหนา!!

เป็นข่าวที่เข้ากับกระแสข่าววิกฤติการณ์วงการการศึกษาบ้านเราซะเหลือเกิน.... ล่าสุด ซีรี่ย์การ์ตูนเรื่อง Dragon Zakura หรือ นายซ่าท้าเด็กแนว การ์ตูนแนวการศึกษาติวเข้มสุดดองยาวในบ้านเราของ อ.โนริฟุสะ มิตะ กำลังจะถูกนำไปรีเมคกลายเป็นการ์ตูนเวอร์ชั่นอินโดนีเซียแล้ว โดยมีกำหนดออกเผยแพร่ในรูปแบบดิจิตอลช่วงกลางเดือน ก.ย. นี้ ก่อนจะออกวางขายในฉบับตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ต้นปี 2014

Dragon Zakura ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Morning ช่วงปี 2003-2007 เป็นเรื่องราวของ เคนจิ ซากุรางิ อดีตเด็กแว๊นที่หันเหชีวิตกลายเป็นครู และเขาผู้นี้ พร้อมกับทีมงานคุณครูสอนวิชาแขนงต่างๆ ต่างได้ใช้เทคนิคเด็ดๆ ในการช่วยติวบรรดาเด็กหัวขี้เลื่อยในโรงเรียนแห่งหนึ่ง กลายเป็นเด็กหัวกะทิ พาหันสอบเข้า ม.โตเกียว ให้ได้ โดยเรื่องนี้ถูกนำไปทำเป็นละครซีรี่ย์ญี่ปุ่น ออกฉายปี 2005 ก่อนจะถูกนำไปทำกลายเป็นละครซีรี่ย์เกาหลี ออกฉายเมื่อปี 2010 ในชื่อ Master of Study

ซึ่ง Dragon Zakura ฉบับแดนอิเหนานั้น มีเนื้อหาคล้ายกับต้นฉบับ เพียงแต่จะปรับเปลี่ยนเรื่องราวไปเป็นการตีแผ่วงการศึกษาของอินโดนีเซีย ที่มีการสอบเข้าแข่งขันกันอย่างสูง และจะปรับเปลี่ยนเป้าหมายของบรรดาตัวละครหลัก จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ไปเป็นการสอบเข้าสถานศึกษาชั้นนำของอินโดฯแทน อีกทั้งการ์ตูนชุดนี้ ยังได้รับอนุญาติจาก TG Rights Studio Co. บริษัทผู้ดูแลด้านลิขสิทธิ์คาแร็คเตอร์ ให้สามารถนำคาแร็คเตอร์ของ อ.ซากุรางิ ไปดัดแปลงในสไตล์อิเหนาได้อีกด้วย ซึ่ง TG Rights Studio ได้ให้เหตุผลการตัดสินใจว่า "การสอบเอ็นทรานซ์ที่อินโดฯ มีการแข่งขันกันอย่างสูง เราเลยตัดสินใจที่จะหยิบเอาเรื่องราวนี้ นำไปทำเป็นการ์ตูน เพื่อให้นักอ่านที่นั่นสามารถเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการ์ตูนชุดนี้ เรายังสามารถคาดหวังถึงความต้องการของผู้อ่าน เพื่อที่จะนำด้านสิทธิประโยชน์ , การเป็นสื่อแนะแนวการศึกษา และอื่นๆ โดยเราจะดัดแปลงการ์ตูนเรื่องนี้ให้เข้ากับสถานการณ์ด้านสังคมปัจจุบันของที่นั่น อย่างเช่นข้อเท็จจริงที่ระบุว่า คนอินโดฯจำนวนมากยังนิยมใช้มอเตอร์ไซต์ในการเดินทางอยู่ เป็นต้น และจะมีการแทรกเอาวัฒนธรรม และ พฤติกรรมของคนท้องถิ่นจากเกาะต่างๆในอินโดฯ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เข้าไปด้วยเช่นกัน "

อีกทั้ง ทาง TG Rights Studio Co ยังมีแผนที่จะร่วมงานกับ Kompas Gramedia Group บริษัทท้องถิ่นของอินโด ในการนำผลงานการ์ตูน, ละครทีวี และ หนังดังจากญี่ปุ่น ไปรีเมคในฉบับอินโดนีเซียมากขึ้นอีกด้วย

(ภาพ อ.ซากุรางิ จากทั้งสองเวอร์ชั่น ซ้ายเป็นภาพต้นฉบับ ส่วนขวาเป็นของเวอร์ชั่นอินโดฯ)


แหล่งข่าวและรูปภาพ: Asahi Shimbum , Tokyo Otaku Mode,animenewsnetwork.com


สาวมืดมนอลวนหารัก จะมีอนิเมตอนที่ 13 แถมมากับรวมเล่ม

แม้ว่าในอนิเม Watashi ga Motenai no wa Dou Kangaete mo Omaera ga Warui! (Watamote) หรือ สาวมืดมนอลวนหารัก นั้น สาวน้อยคุโรกิ จะยังไม่สามารถเป็นสาวป๊อปดั่งตามใจหวัง แต่เอาเข้าจริง เธอผู้นี้ได้รับกำลังใจจากผู้ชมอย่างล้นหลาม ส่งผลให้อนิเมเรื่องนี้มีกระแสที่ฮ็อตเอาเรื่องเลย และจากความนิยมในฉบับอนิเมซีรี่ย์นั่นเอง เลยทำให้เรื่องนี้กำลังจะมี OAD แถมมากับฉบับรวมเล่ม 7 แบบ limited edition ด้วยเช่นกัน ซึ่ง OAD ดังกล่าว เป็นเนื้อหาของ อนิเมตอนที่ 13 ที่ไม่ได้ออกฉายทางทีวีนั่นเอง เพียงแต่ว่า กว่าจะได้รับชม OAD ชุดนี้ คงจะต้องรอกันเหงือกแห้งเลย เพราะ ฉบับรวมเล่ม 7 จะออกวางขายในวันที่ 22 ต.ค. 2014 นู่น!!!!

สาวมืดมนอลวนหารัก เป็นเรื่องราวของ คุโรกิ สาวบุคลิกแปลกๆ ผู้หวังจะกลายเป็นสาวฮ็อตตอนม.ปลาย แต่เอาเข้าจริง การจะเป็นสาวป๊อปนั้น มันกลับไม่เป็นไปตามที่ตนคิด ไม่เหมือนกับเกมแนว Otome ที่เธอเล่น ซะงั้น!? อนิเมเรื่องนี้ ออกฉายตั้งแต่ 8 ก.ค. ทางช่อง TV Tokyo และปัจจุบัน Rose Media คว้าลิขสิทธิ์อนิเมเรื่องนี้ในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย


แหล่งข่าว: animenewsnetwork.com

 


ซีซั่น 2 ยังไม่พอ!!......Psycho-Pass กำลังจะมีจอเงินด้วยเช่นกัน

ข่าวดีสองเด้งของแฟนๆซีรี่ย์แอ็คชั่นจิตตก Psycho-Pass ที่กำลังลุ้นตื่นเต้นกับสิ่งที่ มิตสึฮิสะ อิชิคาว่า ประธานและ CEO ของ Production I.G ได้อุบเอาไว้เป็นเดือน หลังจากประกาศทำซีซั่น 2 ของ Psycho-Pass กันที่งาน Anime Expo ที่สหรัฐฯเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งข่าวใหญ่ดังกล่าวก็ได้มีการเปิดเผยแล้ว บนหน้าเว็บไซต์หลักของ Noitamina ที่ได้แจ้งว่า นอกจากแฟนๆกำลังจะได้ชมอนิเมซีซั่น 2 ของ Psycho-Pass แล้วนั้น ยังจะได้รับชมในรูปแบบหนังจอเงินอีกด้วย ซึ่งตอนนี้ได้มีการออกฉายเทรลเลอร์ของตัวหนังกันในงานอีเว้นต์ออกฉาย 22 ตอนรวดของ Psycho-Pass กัน ณ โรงหนังแห่งหนึ่งที่กรุงโตเกียว เมื่อ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา

แหล่งข่าวและคลิป: 0takomu,animenewsnetwork.com


Naruto Spin-Off: Rock Lee & His Ninja Pals กำลังจะมีอนิเมชุดใหม่

TV Tokyo ได้แจ้งว่า อนิเมภาคแยกของนารุโตะชุด Naruto Spin-Off: Rock Lee & His Ninja Pals (Naruto SD: Rock Lee no Seishun Full-Power Ninden) กำลังจะมีอนิเมชุดใหม่ล่าสุด ที่จะใช้ชื่อว่า Naruto SD: Rock Lee no Seishun Full-Power Ninden Mō Iccho โดยจะออกฉายทุกวันอังคาร เวลา 18.00 น. มาแทนเรื่อง Chō Soku Henkei Gyrozetter ที่กำลังจะฉายจบ เริ่มออกฉายตอนแรกวันที่ 1 ต.ค. นี้

อนิเมดังกล่าว ดัดแปลงมาจากมังงะภาคแยกของนารุโตะ ชุด Rock Lee no Seishun Full-Power Ninden ที่เขียนโดย อ.เคนจิ ไทระ โดยเป็นการนำบรรดาตัวละครจากนารุโตะมาวาดย่อส่วน และ อัดมุขฮาๆมากขึ้น เพียงแต่การ์ตูนชุดนี้ จะให้ ร็อค ลี กลายเป็นพระเอกหลักของเรื่องแทน ซึ่งอนิเมชุดนี้นั้น ได้ Studio Pierrot มารับหน้าที่ทำ เฉกเช่นเดียวกับอนิเมภาคหลัก โดยอนิเมชุดแรกออกฉายช่วงเม.ย. 2012 - มี.ค. 2013



แหล่งข่าวและรูปภาพ: Saishin Anime Jōhō,animenewsnetwork.com


ปลุกตำนาน "หอพักโทคิวะ" อีกครั้ง ณ เมืองเกียวโต

ขึ้นชื่อ "หอพักโทคิวะ" นั้น หากเป็นคนที่เพิ่งติดตามวงการการ์ตูน คงจะคิดว่าเป็นแค่หอพักธรรมดาๆ แต่สำหรับใครที่ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนนานนั้น ก็พอจะคุ้นหูทันที เพราะหอพักแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่รวมตัวกันของเหล่านักเขียนการ์ตูนระดับตำนานของญี่ปุ่น อาทิ อ.โอซามุ เท็ตซึกะ (เจ้าหนูปรมาณู) , อ.โชทาโร่ อิชิโนโมริ (Cyborg 009 , Kamen Rider) , อ.ฟูจิโอะ อาคัตซึกะ (Himitsu no Akkochan) , Fujiko Fujio (โดราเอมอน) ฯลฯ แม้ว่า ตัวหอพักจุดกำเนิดของตำนานนี้ที่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียวนั้น จะถูกรื้อถอนไปแล้ว แต่เรื่องราวของหอพักแห่งนี้ก็ยังมีคนพูดถึงกันอยู่มิเสื่อมคลาย.....

และเพื่อเป็นการปลุกจิตวิญญาณให้แก่นักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ๆ ขึ้น ก็เลยทำให้ทางเมืองเกียวโตเกิดไอเดียผุดโปรเจ็คฟื้นคืนชีพหอพักโทคิวะขึนอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ Kyoto Daichii Tokiwa-so ซึ่งเป็นการนำหอพักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่เขตคามิเงียว มาจำลองตกแต่งในบรรยากาศเก่าๆใกล้เคียงกับหอพักโทคิวะต้นตำรับ และเพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยหอพักแห่งนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากเทศมนตรีเมืองเกียวโตถึง 13.8 ล้านเยน เป็นหอพักไม้หลังเก่าๆ 2 ชั้น สามารถรองรับนักเขียนการ์ตูน 3 คน โดยห้องหนึ่งมีความกว้างเท่ากับเสื่อทาทามิ 6-7 แผ่น (ประมาณ 100 ตารางฟุต) และมีห้องครัวกับห้องน้ำไว้ใช้ร่วมกัน คิดค่าเช่าห้องเดือนละ 45,000 -50,000 เยน พร้อมติดตั้งอินเตอร์เน็ต และ สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ หอพักแห่งนี้ ได้ NEWVERY องค์กรไม่แสวงผลกำไรเป็นผู้บริหารหลัก พร้อมคอยช่วยเหลือผู้เช่าหอในแง่ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับอาชีพนักเขียนการ์ตูน (ที่ได้รับมาจากนักเขียนการ์ตูนอาชีพตัวจริง) รวมถึง การทำธุรกิจสัญญาต่างๆกับบก.การ์ตูนจากสนพ.ต่างๆ ซึ่งผู้เช่าหอนี้นั้น ไม่ใช่ว่าจะขอเช่ากันได้ง่ายๆ เพราะจะต้องมีการคัดเลือกกันก่อน โดยจะมีการสัมภาษณ์ผู้ขอเช่าหอพักแห่งนี้ทั้ง 12 คน และจะคัดให้เหลือเพียง 3 คน เต็มโควต้าหอพักนี้พอดี ซึ่ง ไดซากุ คาโดคาว่า นายกเทศมนตรีเมืองเกียวโตได้กล่าวถึงโปรเจ็คนี้ว่า "ผมหวังว่า จะมีนักเขียนการ์ตูนหน้าใหม่ๆถือกำเนิดมากขึ้น จากหอพักโทคิวะ น่ะนะ"

เท่านั้นไม่พอทางเมืองเกียวโตยังได้จัดทำ หอพักโทคิวะแห่งที่ 2 (Kyoto Daini Tokiwa-so) สำหรับนักเขียนการ์ตูนผู้หญิง (พูดง่ายๆคือเป็นหอพักหญิงล้วนแหละ) และได้เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้เช่าหอแล้วเช่นกัน

เมืองเกียวโต อดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่นแห่งนี้ ได้พยายามปรับโฉมของเมืองให้กลายเป็นเมืองแห่งการอนุรักษ์วงการการ์ตูนอนิเมญี่ปุ่น และเป็นศูนย์กลางของการศึกษาด้านการ์ตูน โดยมีนักศึกษามากกว่า 1,000 คน ได้ศึกษาด้านนี้ตามมหาวิทยาลัยต่างๆในเมืองนี้ ซึ่งพวกเขาเพิ่งจัดงาน Kyoto International Manga Anime Fair ขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2012 และ กำลังจะจัดขึ้นอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์นี้


แหล่งข่าวและรูปภาพ:Asahi Shimbun,animenewsnetwork.com


Sazae-san ได้รับการรับรองจาก Guinness Book เป็นอนิเมที่ออกฉายอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก!!

Sazae-san อนิเมซีรี่ย์แนวครอบครัวที่อยู่คู่กับคนญี่ปุ่นมานานถึง 45 ปี ได้รับการรับรองสถิติจาก Guinness World Records ในฐานะที่อนิเมเรื่องนี้ เป็นรายการอนิเมที่ออกฉายอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา และที่ญี่ปุ่นได้มีพิธีการเฉลิมฉลองในวันเดียวกัน โดย มิโดริ คาโตะ ผู้พากย์เสียงเป็นคุณป้าซาซาเอะ ได้ให้เกียรติเป็นผู้รับใบประกาศเกียรติคุณด้วย

คาโตะ กล่าวว่า " Guinness World Records เป็นรางวัลที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ชั้นรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆเลย ชั้นพากย์ในบทบาทนี้มาตลอด 45 ปี พอได้เห็นรางวัลนี้แล้วนั้น ทำให้ชั้นได้รับรู้ว่า อนิเมเรื่องนี้มีผู้คนทั่วญี่ปุ่นต่างพากันชม รวมไปถึง Fuji TV ที่คอยดูแลอนิเมชุดนี้มาอย่างยาวนานต่อเนื่องเสมอมาด้วย มันทำให้จิตใจของชั้นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์อันหลากหลายเลยค่ะ "

อนิเมชุดนี้ ดัดแปลงจากผลงานการ์ตูนของ อ.มาจิโกะ ฮาเซงาวะ ออกฉายตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมา ซึ่งในปี 2013 นี้ เป็นปีที่ 45 ของการออกฉายอนิเมเรื่องนี้แล้ว ปัจจุบัน อนิเมเรื่องนี้ออกฉายถึง 2,250 ตอน (หากนับเป็นตอนสั้นย่อยๆ จะมีมากถึง 7,000 ตอน) เมื่อ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา และยังคงเป็นอนิเมที่สามารถทำเรตติ้งผู้ชมสูงเป็นอันดับต้นๆในญี่ปุ่นอยู่ขณะนี้

อนึ่ง ทางช่อง Fuji TV เตรียมจะออกฉายละครซีรี่ย์พิเศษที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวในชีวิตจริงของอ.ฮาเซงาวะ ผู้แต่งเรื่องนี้ ในเดือน พ.ย. 2013 ด้วยเช่นกัน


แหล่งข่าวและรูปภาพ:Mainichi Shimbun's Mantan Web,animenewsnetwork.com


นิตยสาร 4-Koma Nano Ace ประกาศหยุดตีพิมพ์

นิตยสาร 4-Koma Nano Ace นิตยสารที่รวบรวมซีรี่ย์การ์ตูนแก๊กสี่ช่องจากการ์ตูนอนิเมดังในเครือสนพ.คาโดคาว่า ได้แจ้งว่า นิตยสารดังกล่าวได้หยุดตีพิมพ์แล้ว นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดย 4-Koma Nano Ace ฉบับเดือน ต.ค. ฉบับล่าสุดที่จะวางขายในวันที่ 9 ก.ย. นี้นั้น เป็นฉบับสุดท้ายของนิตยสารหัวนี้ หลังจากตีพิมพ์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011

การประกาศหยุดตีพิมพ์ของนิตยสารดังกล่าว ได้ส่งผลต่อชะตากรรมของบรรดาซีรี่ย์การ์ตูนในนิตยสารดังกล่าว ที่ส่วนใหญ่จะพากันอวสานในนิตยสารเล่มนี้เลย รวมไปถึงเรื่อง Sora no Kyūsoku , G's Under Ground และ G-Sen Rough Sketch ที่จบลงในเล่มนี้ด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน ก็มีซีรี่ย์ส่วนหนึ่งที่จะย้ายไปตีพิมพ์ลงในนิตยสารเล่มอื่น อาทิ

- Aiura ย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสาร Shōnen Ace ฉบับ พ.ย.
- Strike Witches Gekijōban: 501 Butai Hasshin Shimasu-! ย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสาร Shōnen Ace ฉบับ ธ.ค.
- Chotto Kawaii Iron Maiden ย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสาร Young Ace ฉบับ ธ.ค.

นิตยสารเล่มนี้ เคยลงตีพิมพ์ซีรี่ย์แก๊กเรื่องที่พอคุ้นหูนักอ่านบ้านเราอย่าง Lucky Star, The Melancholy of Suzumiya Haruhi-chan ,Upotte!!, และ Nichijō

แหล่งข่าว: IEEE802.11,animenewsnetwork.com


Toei เปิดช่องสตรีมออนไลน์ สำหรับออกฉายหนังซีรี่ย์แปลงร่าง ในอเมริกา

เพื่อให้หนังซีรี่ย์แนว Tokusatsu หรือ หนังฮีโร่แปลงร่างของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักของทางฝั่งตะวันตกมากขึ้น ก็เลยทำให้ Toei เตรียมจะเปิดตัว Toei Japan Channel ช่องสตรีมออนไลน์สำหรับออกฉายซีรี่ย์-หนังฮีโร่แปลงร่างญี่ปุ่น แบบ pay-to-view ตลอด 24 ชั่วโมง โดยช่องได้ตั้งเป้าเน้นกลุ่มคนดู ชาวญี่ปุ่นผู้ใช้ชีวิตอยู่อาศัยในสหรัฐฯ นับ 400,000 คน เป็นหลัก และพวกเขามีแผนที่จะใส่ซับภาษาอังกฤษให้กับรายการต่างๆที่ออกฉายทางช่องภายในปี 2013 ด้วย

ช่องดังกล่าว ทาง Toei ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อตอบรับกับโปรเจ็ค Cool Japan ของรัฐบาลญี่ปุ่น ในการโปรโมทวัฒนธรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ทั้งมังงะ อนิเม และ อื่นๆ ให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก โดย ยาสึฮิโกะ นากาชิม่า พนักงานผู้ดูแลฝ่ายขายสากลของ Toei กล่าวว่า เป็นเพราะ Cool Japan ได้รับความสนใจมากขึ้น พวกเขาเลยเห็นโอกาสในการนำหนังซีรี่ย์ฮีโร่แปลงร่างของพวกเขาไปออกฉาย และในอนาคตช่องนี้จะมีหนังฮีโร่จากที่ญี่ปุ่นมาให้ได้รบชมกันเกือบทุกเรื่อง

ปัจจุบัน โตเอะ เป็นผู้ผลิตซีรี่ย์ชุด Hikōnin Sentai Akibaranger (ขบวนการเซ็นไทไม่เป็นทางการ Akibaranger), ซีรี่ย์ Kamen Rider หรือ ไอ้มดแดง, และ ซีรี่ย์ Super Sentai หรือ ขบวนการนักสู้ 5 สี ที่ต่อมาถูกนำไปดัดแปลงเป็นซีรี่ย์หนังแปลงร่างอเมริกันในนาม Power Rangers



แหล่งข่าว: Asahi Shimbun Digital , Henshin Justice Unlimited,animenewsnetwork.com


Captain Earth อนิเมซีรี่ย์จากทีมผู้สร้าง Star Driver

นิตยสาร Newtype ฉบับต.ค. ได้รายงานว่า สตูดิโอ BONES พร้อมทีมงานสต๊าฟจากอนิเม Star Driver ที่ประกอบด้วย ผู้กำกับ ทาคุยะ อิการาชิ (Ashita no Nadja, Ojamajo Doremi Series, Soul Eater) กับ คนดูแลบท โยจิ เอโนคิโดะ (FLCL, Gunbuster 2: Diebuster, The Melody of Oblivion, Nodame Cantabile: Paris, RahXephon, Redline, Revolutionary Girl Utena) จะมาร่วมงานกันอีกครั้ง กับโปรเจ็คอนิเมซีรี่ย์ใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Captain Earth โดยเป็นอนิเมแนวหุ่นยนต์ มีรายละเอียดคีย์เวิร์ดคร่าวๆคือ

- เป็นเรื่องราวดราม่าระหว่างหนุ่ม สาว และ หุ่นยนต์ยักษ์
- มีการนำเสนอเรื่องราวแบบตรงมาตรงไป
- เรื่องราวเกิดขึ้น ณ จักรวาล แล้วก็ โลกมนุษย์
- โดยฉากบนโลกมนุษย์ จะเกิดขึ้นที่เกาะทาเนงาชิม่า เกาะทางตอนใต้ที่เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยอวกาศของญี่ปุ่น (ซึ่งเกม-อนิเม เรื่อง Robotic;Notes ใช้เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ดำเนินเรื่อง เช่นกัน)

นอกจาก Star Driver แล้ว อิการาชิ กับ เอโนคิโดะ เคยร่วมงานกันมาแล้ว ในอนิเม Ouran High School Host Club กับ Sailor Moon Super S ด้วยเช่นกัน


แหล่งข่าว:Yaraon!,myanimelist,animenewsnetwork.com


เหล่าคอสเพลเยอร์นับพัน ร่วมฉลองเทศกาลแห่เกี้ยว Lucky Star

ถือเป็นความโชคดีของชาวเมือง คุกิ ที่ได้ยลโฉม เกี้ยวลายอนิเม Lucky Star ที่ซ่อมเสร็จทันเวลา ได้ใช้แห่ในงานเทศกาลฮาจิไซพอดี ซึ่งงานเทศกาลดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ณ ศาลเจ้าวาชิโนมิยะ จ.ไซตามะ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าชมเทศกาลนี้ถึง 73,000 คน และในจำนวนนักท่องเที่ยวนั้น เป็นคอสเพลเยอร์มากถึง 1,200 คน เลยทีเดียว ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาที่นี้ ก็เพื่อต้องการจะได้เห็นและสัมผัสกับเกี้ยว Lucky Star นั่นเอง

เกี้ยว Lucky Star ในเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่นั้น เป็นความร่วมแรงร่วมใจของสภาการค้าวาชิมิยะ , ข้าราชการท้องถิ่นของจ.ไซตามะ , สนพ.คาโดคาว่า ต้นสังกัดของ Lucky Star รวมไปถึงแฟนคลับ Lucky Star จำนวนหนึ่งราว 130 คน ที่ได้นำภาพอาร์ตเวิร์คของตนเองมาประดับที่เกี้ยวไว้เพิ่มเติม (จากเดิมที่มีภาพวาดและลายเซ็นต์ของนักพากย์จาก Lucky Star) เกี้ยวดังกล่าวสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2008 ก่อนจะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่นเมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

อนึ่ง ในเทศกาลดังกล่าว ได้จัดกิจกรรม Cross-Dress ภายใต้ชื่อ "Shame Play ขึ้น โดยเป็นกิจกรรมการประกวดหนุ่มๆผู้แต่งกายเป็นหญิงสาวได้โดนใจคณะกรรมการที่สุด ซึ่งการประกวดนี้ได้ Mac Akasaka นักเคลื่อนไหวทางการเมืองของญี่ปุ่น มาให้เกียรติเป็นคณะกรรมการตัดสินด้วย ซึ่ง Akasaka เป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่น จากลีลาในการพูดหาเสียงพร้อมกับการแต่งคอสเพลย์ จนเป็นเอกลักษณ์และได้รับความสนใจจากคนที่นั่น



แหล่งข่าวและรูปภาพ: Saitama Shimbun,animenewsnetwork.com

 


อันดับ อนิเมช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2013 ที่ได้รับการคาดหวังจากแฟนๆ มากที่สุด

โพลอย่างไม่เป็นทางการของ BIGLOBE ได้สำรวจในหัวข้อ อนิเมช่วงฤดูใบไม้ร่วง 2013 ที่ได้รับการคาดหวังจากแฟนๆสูงที่สุด และจากคะแนนโหวตทั้งหมด 5,358 โหวต ได้ผลออกมาดังนี้

1 Magi Second Season 380
2 Kuroko's Basketball Second Season 367
3 Valvrave the Liberator Second Season 312
4 Little Busters! Refrain 245
5 Gingitsune 226
6 Ore no Nōnai Sentakushi ga, Gakuen Love Come o Zenryoku de Jama Shiteiru 196
7 Unbreakable Machine-Doll 183
8 Kill la Kill 183
9 Ace of Diamond 171
10 Yozakura Quartet ~Hana no Uta~ 170

11 Kyōkai no Kanata 156
12 Nagi no Asukara 155
13 Sekai de Ichiban Tsuyoku Naritai! 146
14 Golden Time 136
15 Yowamushi Pedal 130
16 Samurai Flamenco 119
17 Infinite Stratos 2 119
18 Coppelion 115
19 Phi-Brain: Puzzle of God Third Series 115
20 Meganebu! 114
20 Tokyo Ravens 110

22 Arpeggio of Blue Steel 109
23 Strike the Blood 107
24 Galilei Donna - Storia di tre sorelle a caccia di un mistero 100
25 Pupa 98
26 White Album 2 93
27 Non Non Biyori 83
27 Pokémon XY 59
29 Gundam Build Fighters 78
30 Diabolik Lovers 77

31 Yūsha ni Narenakatta Ore wa Shibushibu Shūshoku o Ketsui Shimashita. 72
32 Seiyū Sentai Voicetorm 7 69
33 Log Horizon 67
34 BlazBlue Alter Memory 61
35 Hajime no Ippo Rising 57
36 Super Seisyun Brothers 52
37 Kyousogiga 44
37 Outbreak Company 44
39 Freezing Vibration 42
40 Walkure Romanze 38

41 Tesagure! Bukatsu-mono 27
42 Teekyū Third Season 26
43 Miss Monochrome The Animation 21
44 Bottom Biting Bug Second Series 19
45 Battle Spirits Saikyō Ginga Ultimate Zero 16
46 Miyakawa-ke no Kūfuku 15
47 Gaist Crusher 13

แหล่งข่าว:animenewsnetwork.com

 




พ่อบ้านดำ 17 เข้าป้ายที่ 1 อันดับการ์ตูนขายดีที่ญี่ปุ่น

อันดับการ์ตูนขายดีที่ญี่ปุ่น ช่วงวันที่ 26 ส.ค. - 1 ก.ย.2013 โดย Oricon ปรากฏว่าพ่อบ้านเซบาสเตียน สามารถพา Black Butler เล่ม 17 พุ่งทะยานสู่อันดับ 1 ได้สำเร็จ โดยที่มี Saint Young Men ซีรี่ย์การ์ตูนตลก เข้ามาในอันดับ 2 กับเล่มที่ 9 ขณะที่ Railgun เล่ม 9 เข้ามาในอันดับ 3

(อันดับ / ยอดขายประจำสัปดาห์ / ยอดขายรวม / เรื่อง - เล่มที่)

01. *,349,405 *,349,699 Black Butler คน[ลึก]ไขปริศนาลับ เล่ม 17
02. *,231,969 *,464,832 Saint Young Men เล่ม 9
03. *,225,034 *,225,034 A Certain Scientific Railgun แฟ้มลับคดีวิทยาศาสตร์ เล่ม 9
04. *,184,179 *,371,905 Ao Haru Ride บันทึกใสจากวัยฝัน เล่ม 8
05. *,119,293 *,246,679 Ore Monogatari!! เล่ม 4
06. *,118,722 *,118,722 A Certain Magical Index อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม เล่ม 12
07. *,113,820 *,113,820 Kobayashi ga Kawai Sugite Tsurai!! เล่ม 4
08. *,105,245 *,105,813 Kanojo wa Uso o Ai Shisugiteru รักวุ่นวายของนายตัวป่วน เล่ม 12
09. *,104,560 *,104,560 Kagerō Days เล่ม 3
10. *,*81,678 *,174,771 Hōzuki no Reitetsu เล่ม 10

 


แหล่งข่าว:Oricon,Tohan,MyAnimeList


 

 


 
free hit counter javascript