รายละเอียดผลงานแต่ละเรื่องของฮายาโอะ มิยาซากิ และ Studio Ghibli

Credits: กระทู้ A3162142 ฮายาโอะ มิยาซากิ, อิซาโอะ ทากาฮาตะ และกำเนิดสตูดิโอ Ghibli ของคุณ ก๋ากรั๊นจ์ แห่งพันทิพ
  

Future Boy Conan-โคแนน เจ้าหนูล้ำยุค(1978)

เรื่องของเด็กหนุ่มสาวที่เกิดในโลกยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 3,การทำลายล้างโลกอย่างรุนแรง,การไล่ล่าเพื่อครอบครอง พลังอันยิ่งใหญ่ ผู้ใหญ่ที่คอยช่วยเหลือ,ผู้ร้ายกลับใจ ฉากการบินอันตระการตา,ความหวัง,ความรู้สึกต่อต้านการรุกราน ธรรมชาติ...เหล่านี้คือธีมหลักที่มิยาซากิมักใช้ในการ์ตูนของเขา
และในการ์ตูนทีวีเรื่องแรกที่เขากำกับก็มีทุกอย่างที่ว่ามาทั้งหมด
ดัดแปลงแบบคร่าวๆจากนิยายเรื่อง The Incredible Tide โดย อเล็กซานเดอร์ คีย์ โครงเรื่อง หลักยังคงเดิมแต่นอกเหนือจากนั้นเป็นจินตนาการของมิยาซากิทั้งหมด ที่เห็นชัดคือ โคแนนในหนังสือไม่ได้มีพลังเหนือ มนุษย์แบบในการ์ตูน

Lupin III:The Castle of Cagliostro(1979)

ลูแปงที่ 3 จอมโจรชื่อดัง เขากับเพื่อน มือปืนจิเก็น และ นักดาบโกเอมอน ร่วมมือกันตามหาสมบัติทั่วโลก ลูแปงที่ 3 เป็น การ์ตูนที่โด่งดังในญี่ปุ่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนของ มังกี้พันช์ สร้างเป็นหนังทีวี 3 ชุด หนังโรง 5 เรื่อง มิยาซากิกับ ทากาฮาตะร่วมกันกำกับการ์ตูนทีวีชุดแรกในปี 1979 จากนั้นมิยาซากิก็ฉายเดี่ยวโดยการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ การ์ตูนเรื่องแรกในชีวิต Lupin III:The Castle of Cagliostro ซึ่งถูกยกย่องว่า เป็นการ์ตูนลูแปงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้รับการโหวตให้เป็น อนิเมชั่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โดยผู้อ่านนิตยสาร Animage (อยู่ในตำแหน่งนี้จนกระทั่ง
Nausicaa ออกฉาย) ตัวละครหญิง"คลาริส"ก็ได้รับการโหวตเป็น"The favorite heroine"(ซึ่งก็ถูกโค่นโดย
เนาซิก้า อีกเช่นกัน!!!)

Sherlock Hound (1981-84)

ชื่อดั้งเดิมตามภาษาญี่ปุ่นคือ Famous Detective Holmes เป็นการ์ตูนทีวีเรื่องสุดท้ายของมิยาซากิ โปรเจ็ค์นี้ถูก สร้างภายใต้ความร่วมมือของทีวีญี่ปุ่นและอิตาลี(RAI)ในปี 1981 มิยาซากิกำกับ 6 ตอนแรกและเขียนบทสำหรับที่เหลือ แต่ระหว่างนั้นกลับมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์กับฝ่ายดูแลผลประโยชน์ของ เซอร์ อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ โปรเจ็ค์จึงหยุดชะงักไป หลังจากหมดปัญหาในปี 1984 ทางทีวีญี่ปุ่นจึงสร้างตอนที่เหลือด้วยทีมงานใหม่ซึ่งเปลี่ยนจาก 6 ตอนแรกทั้งหมด
ตัวการ์ตูนนั้นเป็นแอคชั่นสืบสวนที่สนุกและมีฉากที่เป็นเครื่องหมายการค้าของมิยาซากิเช่น ฉากขับรถไล่ล่า,ฉากบิน,ผู้หญิงแกร่ง, โจรกลับใจ เป็นต้น ตัวละครอย่าง โฮล์ม,วัตสัน,มิสฮัดสัน ถูกนำเสนอให้เป็นสุนัขทั้งหมด

Nausicaa of the Valley of Wind(1984)

เรื่องของเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆหลังสงครามที่เรียกว่า"ไฟล้างโลกใน 7 วัน"ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เธอพยายามยับยั้งสงครามระหว่างเผ่าต่างๆ รวมทั้งการทำลายป่าพิษที่เชื่อกันว่ากำลังกัดกินโลกอย่างช้าๆ
ผลงานกำกับ,เขียนบท และ สตอรี่บอร์ดของมิยาซากิ สร้างจากการ์ตูนcomic ของมิยาซากิเอง(ลงเป็นตอนๆในนิตยสาร Animageตั้งแต่ปี1982เขียนติดต่อกันนาน 13 ปีภายหลังรวมเป็นเล่มได้ 7 เล่ม-ภาพยนตร์สร้างจากเนื้อหา ในเล่ม 1 และ 2)เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ในระหว่างนั้นมิยาซากิกับทากาฮาตะ ไม่ได้สังกัดที่ใด ทั้งคู่ตัดสินใจสร้างการ์ตูนเรื่องนี้กับบริษัท Topcraft ซึ่งเจ้าของคือ โทรุ ฮาร่า เพื่อนของทั้งคู่(ภายหลัง
เป็นประธานคนแรกของสตูดิโอ Ghibli)ทีมงานของเรื่องนี้ต่อมามีบทบาทสำคัญในวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นทั้งสิ้น

ในช่วงกลางยุค 80 นิวเวิลด์ พิคเจอร์(US)เคยทำเวอร์ชั่นที่พากษ์เสียงทับออกมาในชื่อ"Warriors of the Wind" รวมทั้งตัดต่อใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาติ พวกเขามองว่าหนังยาวไปสำหรับเด็ก จึงตัดหนังออกถึง 1 ใน 4!!!

(พวกเขาตัด ส่วนที่คิดว่า"ช้าเกินไป"ออก)และเรียบเรียงช่วงเวลาในเรื่องใหม่ ชื่อ Nausicaa ถูกเปลี่ยนเป็น Zandra ดาราที่มา< พากษ์เสียงทับต่างบอกกันในภายหลังว่า พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?หลังจากที่มิยาซากิได้ดูเวอร์ชั่นนี้เขาบอกกับทุกคนว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่มีคนทำต่อหนังเขาแบบนี้ และบอกให้ทุกคนลืมเวอร์ชั่นนี้เสีย


Laputa: The Castle in the Sky(1986)


พาสุ เด็กหนุ่มในเมืองเหมืองแร่ได้พบกับ ชีต้า เด็กสาวลึกลับที่ตกมาจากฟ้า พวกเขาหนีการตามล่าจากทั้งโจรสลัดและรัฐบาล ที่เชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ลาพิวต้า ปราสาทลอยฟ้าที่สาบสูญ

มิยาซากิ กำกับ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดผลงานเรื่องนี้ที่ถือเป็นการเปิดตัว Studio Ghibli อย่างเป็นทางการสร้าง จากเรื่องของมิยาซากิเอง โดยชื่อ ลาพิวต้านั้นนำมาจากนิยายของ โจนาธาน สวิฟต์"Gullivers Travels"เริ่มแรกมิยาซากิ ตั้งใจจะทำเรื่อง"เกาะลอยฟ้ามหาสมบัติ-Flying Treasure Island"และยืมชื่อ ลาพิวต้ามาจากหนังสือของ สวิฟต์ แต่ในที่สุดก็ใช้แค่ชื่อเท่านั้น(โครงเรื่องของ ลาพิวต้า ดัดแปลงจากโปรเจ็ค์ Nadia และ Conan)

อนึ่งคำว่า"Laputa"ในภาษาสเปนมีความหมายในทางที่ไม่ดีแปลว่า แพศยา หรือ หญิงแห่งนครโสเภณี เป็นที่รู้กันว่า สวิฟต์นั้นรู้ความหมายนี้อยู่แล้วตอนเขาตั้งชื่อนี้ แต่ไม่แน่ใจว่ามิยาซากินั้นรู้รึเปล่า? อย่างไรก็ตามเขาสามารถเลี่ยงไปใช้ ชื่อ"Raputa"ได้ถ้าจำเป็น(เสียง L และ R ในภาษาญี่ปุ่นไม่แตกต่างกัน)

My NeighborTotoro(1988)

เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงพี่น้อง 2 คนกับวิญญาณผู้คุ้มครองป่า( โทโทโร่)ในชนบทของญี่ปุ่น แม่ของพวกเธอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่น้องสาวรู้ว่าแม่ของเธออาการไม่ดี จึงแอบหนีไปเยี่ยม เมื่อทุกคนรู้ว่าเธอหายตัวไป ก็มี เพียงเหล่า โทโทโร่ เท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน?
มิยาซากิ กำกับ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 3 แต่เป็นเรื่องที่ 2 ของสตูดิโอ ออกฉายพร้อมกับเรื่อง Grave of the Fireflies(สุสานหิ่งห้อย)ของทากาฮาตะ


Grave of the Fireflies(1988)

อนิเมชั่นที่มืดมนและโศกเศร้า เรื่องของพี่น้อง 2 คนที่ต้องเอาตัวรอดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้บางช่วงจะมีอารมณ์ขัน อยู่บ้าง แต่โดยรวมเต็มไปด้วยเรื่องสะเทือนใจ หลายคนเสียน้ำตาไปกับการ์ตูนเรื่องนี้ และไม่อาจทนดูซ้ำได้อีก
ทากาฮาตะเขียนบทและกำกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกสำหรับสตูดิโอ Ghibli สร้างจากนิยายกึ่งชีวประวัติของ อากิยูกิ โนซากะ ซึ่ง เสียน้องสาวของเขาไประหว่างสงคราม ออกฉายพร้อมกับเรื่อง Totoro ในแบบภาพยนตร์ควบ 2 เรื่อง
ทากาฮาตะนั้นสร้างการ์ตูนในมุมที่แตกต่างจากมิยาซากิ ขณะที่มิยาซากินั้นใช้เรื่องราวในนิทานหรือนิยายเป็นเพียงวัตถุดิบ ที่เขาจะสร้างโลกส่วนตัวและเรื่องราวของเขาเอง แต่ทากาฮาตะนั้นจะสร้างโดยเคารพต้นฉบับมากที่สุด(ยกเว้นวิญญาณของ เด็กที่เห็นในเรื่องเป็นส่วนที่ทากาฮาตะคิดขึ้นเอง)


Kiki's Dilivery Service(1989)


ในวันเกิดครบ 13 ปี แม่มดน้อย กีกิ ต้องออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ด้วยการไปใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่มีแม่มดอยู่ เป็นเวลา 1 ปี เธอและ จีจิ แมวสีดำคู่หูต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตและผู้คนที่แตกต่างออกไป
ผลงานกำกับและเขียนบทโดยมิยาซากิ ดัดแปลงจากหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง"Majo no Takkyuubin"โดย คาโดโน เออิโกะ ประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อครั้งออกฉายในญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่คาแรคเตอร์โดดเด่นกว่าเนื้อเรื่อง เน้นที่ความ เติบโตของแม่มดน้อยกีกิ ในเมืองสไตล์ยุโรปที่รวมเอา นาโปลี,ลิสบอน,สต๊อกโฮล์ม,ปารีส และซานฟรานซิสโกไว้ด้วยกัน โดยช่วงเวลาในเรื่องคือยุค 50 และเป็นยุโรปที่ไม่เคยเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2!


Only Yesterday(1991)


ทาเอโกะ สาวออฟฟิศในโตเกียว ใช้วันหยุดพักร้อนของเธอที่ครอบครัวชนบทของพี่เขย ระหว่างนั้นเธอนึกย้อนไปถึงวัยเด็ก ในโรงเรียนประถม หนังเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งที่สวยงามและเจ็บปวด ท้ายที่สุดเธอเดินมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก สำหรับอนาคตของเธอ

เขียนบทและกำกับโดย ทากาฮาตะ สร้างจากหนังสือการ์ตูนเรื่อง"Omohide Poroporo"(ความทรงจำที่ย้อน กลับมา)โดย โอคาโมโตะ โฮตารุ ในการ์ตูนต้นฉบับนั้นเป็นเรื่องของ ทาเอโกะ ในวัยเด็ก(11 ขวบ) ลักษณะคล้าย ไดอารี่ย้อนความทรงจำที่ประกอบด้วย เพลง,หนัง,รายการทีวี,ดารานักร้องในเวลานั้น(1966)ซึ่งทากาฮาตะพบว่า มันยากที่จะทำเป็นภาพยนตร์ เนื่องจากไม่มีสิ่งที่เชื่อมความทรงจำทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาจึงตัดสินใจสร้าง ทาเอโกะ ในวัย 27 ปีขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นั้น

Porco Rosso(1992)
เรื่องของนักบินขับไล่ชาวอิตาลี ที่ออกจากราชการมาเป็นนักล่าเงินรางวัล เพราะไม่พอใจลัทธิฟาสซิสต์ที่กำลังรุ่งเรือง ทั้งหมดนี้ลืมบอกไปว่าเขาคือ...หมู...แถมยังพูดได้!

มิยาซากิกำกับและเขียนบทจากหนังสือการ์ตูนของเขาเองที่ชื่อ"Hikoutei Jidai"แรกเริ่มนั้นโปรเจ็คนี้เป็นการ์ตูน ยาว 30-45 นาทีที่สร้างให้กับ
Japan Airlines ในคอนเซปต์"หนังสำหรับนักธุรกิจที่เหนื่อยอ่อนจากการบินข้ามประเทศ สามารถสนุกได้แม้ในขณะกำลังมึนจากการ
ขาดออกซิเจน!"แต่ในขั้นตอนการสร้าง สิ่งที่มิยาซากิเพิ่มเข้ามาจากในหนังสือ ทำให้สตูดิโอตัดสินใจสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเต็มรูปแบบ(อย่างไรก็ตามหนังก็มีฉายบนสายการบิน JAL ด้วยทำให้
ข้อความที่ขึ้นในฉากเปิดเรื่องมีหลายภาษาพร้อมๆกัน)

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 20 ในอิตาลีแถบทะเล อาเดรียติค ระหว่างอิตาลีและยูโกสลาเวีย(ในสมัยนั้น)เกาะที่ ปอร์โก้ อาศัยอยู่ เป็นเกาะแถบชายฝั่งโครเอเชีย(ปัจจุบัน)แรกเริ่มมิยาซากิอยากให้เรื่องเกิดที่เมือง Dovrok ในแคว้น โครเอเชีย แต่ก็เกิดสงครามกลางเมืองในยูโกสลาเวียขึ้นมาเสียก่อน เขาจึงต้องย้ายเรื่องไปที่อิตาลีแทน(แต่ผลจากสงคราม ก็ส่งให้เรื่องมีเนื้อหาจริงจังขึ้นมากกว่าจะเป็นแค่"การ์ตูนสนุกๆสำหรับนักธุรกิจวัยกลางคนที่สมองกลายเป็นเต้าหู้จาก
การทำงานหนัก!"ในความคิดแรก)

The Sky-Colored Seed และ Nandarou(1992)

ทั้งสองเรื่องเป็นโฆษณาทางทีวี เรื่องแรกสร้างเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ Nippon TV จากหนังสือเด็กชื่อเดียวกัน ส่วนเรื่องหลังเป็น ตัวนำโชค(Mascot)ของ Nihon TV กำกับโดยมิยาซากิทั้ง 2 เรื่อง(เรื่องหลังทำKey Animation เองด้วย)

Ocean Waves(1993)

เรื่องราวรัก 3 เส้าที่เกิดในเมืองโคชิสร้างเพื่อฉายทาง ทีวี กำกับโดย โมชิสุกิ โทโมมิ(ผู้กำกับ Orange Road ภาคหนังโรง) อำนวยการสร้างโดยทากาฮาตะ จากนิยายโรแมนติกของ ฮิมูโร ซาเอโกะ เป็นเรื่องแรกของสตูดิโอ Ghibli ที่ไม่ใช่มิยาซากิ หรือทากาฮาตะกำกับ โปรเจ็ค์นี้เหมือนเป็นเวทีของคนรุ่นใหม่ในสตูดิโอ ในคอนเซปต์"เร็ว,ถูก และคุณภาพดี" แต่ท้ายที่สุดก็เกินงบและตารางเวลาอยู่ดี

Pom Poko(1994)

สงครามระหว่างทานุกิ(สัตว์ที่ดูคล้ายๆแรคคูน แต่ไม่ใช่...พบได้ในแถบเอเซีย เชื่อกันว่าสามารถแปลงร่างได้ และไม่มี อันตราย)กับมนุษย์ที่บุกรุกภูเขาเพื่อสร้างเมืองใหม่ เหล่าทานุกิปกป้องบ้านของพวกเขาสุดชีวิตด้วยวิธีการเท่าที่จะนึกได้

กำกับและเขียนบทจากเรื่องของทากาฮาตะเอง เต็มไปด้วยเรื่องราวความเชื่อและมุขตลกแบบญี่ปุ่นแท้ๆทำให้เป็นเรื่องที่ดู เข้าใจยากสำหรับคนต่างชาติ ตามความเชื่อดั้งเดิมนั้น สุนัขจิ้งจอก,แมวที่มีอายุมากๆ และทานุกิ สามารถแปลงร่างได้ เราจึงได้เห็นการแปลงร่างทุกรูปแบบในเรื่องนี้ จุดประสงค์เพื่อไล่พวกมนุษย์ออกไป แม้จะมีตัวละครที่สนุกสนาน
ภาพที่น่าตื่นตา แต่นี่ไม่ใช่การ์ตูนสำหรับเด็กเล็ก เพราะมีฉากรุนแรงและความตายปรากฎอยู่มาก สาระที่หนังต้องการบอก ก็ไม่ใช่เรื่องที่เด็กๆจะเข้าใจได้

Whisper of the Heart(1995)

เรื่องของ ชิสุกุ สาวน้อยที่พยายามค้นหาตัวเอง และอนาคตที่เธอต้องการ เล่าเรื่องผ่านจินตนาการและชีวิตประจำวันของเธอ ฉายในโรงภาพยนตร์ควบกับมิวสิควิดิโอ On Your Mark ผลงานของมิยาซากิ

Whisper of the Heart หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่น Mimi wo Sumaseba(If you listen closely)กำกับโดย โยชิฟุมิ คอนโดะ,เขียนบท สตอรี่บอร์ด และ อำนวยการสร้างโดย มิยาซากิ,ออกแบบคาแรคเตอร์โดย คิตารุ โคอุซากะ ดัดแปลงจาก หนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันโดย ฮิรากิ อาโอย

On Your Mark(1995)

มิวสิควิดิโอความยาว 6.40 นาทีของ Chage & Aska กำกับและเขียนบทจากเรื่องของมิยาซากิเอง เนื้อเรื่องมีองค์ประกอบที่สามารถนำไปขยายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาว ได้สบายๆออกฉายควบกับเรื่อง Whisper of the Heart และฉายเป็นฉากหลังในคอนเสิร์ตของ Chage & Aska


Princess Mononoke(1997)

เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสัตว์เทพเจ้าแห่งป่าเขาและมนุษย์ในญี่ปุ่นยุคโบราณ,ระหว่างหญิงสาวที่เติบโตจากการเลี้ยงดูของ หมาป่าที่ต่อสู้เคียงข้างสัตว์เทพเจ้า กับผู้นำอาณาจักรผลิตเหล็กที่ต้องการทำลายป่า เรื่องราวที่ตึงเครียดขึ้น รุนแรงขึ้น และ ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

มิยาซากิ กำกับและเขียนบทจากเรื่องของเขาเอง เป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในครั้งที่ออกฉายในญี่ปุ่น ทำลายสถิติ รายได้ตลอดกาลของญี่ปุ่นที่ E.T. เคยทำไว้มานานกว่า 15 ปีลงได้(ต่อมาถูกทำลายโดย Titanic และถูกทำลายลงอีกครั้ง โดย Spirited Away การ์ตูนเรื่องล่าสุดของมิยาซากิ) เป็นเรื่องแรกที่ออกฉายวงกว้างทั่วโลกโดยการจัดจำหน่าย ของดิสนีย์ และนี่คือสถิติอื่นๆที่การ์ตูนเรื่องนี้สร้างไว้ในช่วงเวลานั้น

-เป็นอนิเมชั่นที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดคือ 2.4 พันล้านเยน(ประมาณ 20 ล้านเหรียญ)อันดับรองลงมาคือ Akira ใช้ไป
1 พันล้านเยน
-ในเวลา 133 นาทีของหนังใช้แผ่นเซล(แผ่นใสใช้ในการสร้างภาพอนิเมชั่น)ไปทั้งสิ้น 144,000 แผ่น
-ทำรายได้มากกว่า 18.65 พันล้านเยนในญี่ปุ่น มีผู้ชมมากกว่า 13 ล้านคน
-ทำยอดขายวิดิโอสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่นกว่า 4 ล้านชุด(เจ้าของสถิติเก่าคือ Aladdin)

My Neighbors theYamadas(1999)

สร้างจากการ์ตูนแก๊ก 4 ช่องจบ ที่ลงเป็นประจำในหนังสือพิมพ์ เรื่องราวชวนหัวของครอบครัวยามาดะ ที่ประกอบด้วย พ่อ,แม่,ลูกชาย,ลูกสาว,คุณยาย และ สุนัขสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

ทากาฮาตะเขียนบทและกำกับเรื่องนี้ในสไตล์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือใช้เทคนิคการลงสีแบบสีน้ำ ทั้งเรื่อง ,เรื่องราวที่เป็นแบบมุขตลกมาเรียงต่อๆกัน แต่ก็ยังคงเนื้อหาที่ต้องการไว้ได้ และนี่เป็นเรื่องแรกที่ใช้คอมพิวเตอร์ ในทุกกระบวนการแบบ 100%(ไม่มีการใช้แผ่นเซลแบบดั้งเดิมเลย)

Spirited Away(2001)

เรื่องของ จิฮิโร่ เด็กหญิงวัย 10 ขวบที่หลงเข้าไปในโลกของเทพ โดยพ่อแม่ของเธอถูกคำสาปให้กลายเป็นหมู!เนื่องจากไปกินอาหารของเทพเข้า เธอเองก็สูญเสียชื่อ(หรือตัวตน)ให้กับแม่มดแห่งโรงอาบน้ำเทพเจ้า การต่อสู้เพื่อตัวเธอเองและครอบครัวเพื่อที่จะกลับสู่โลกปกติจึงเริ่มขึ้น

ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของสตูดิโอ Ghibli ทั้งในญี่ปุ่นและระดับโลก คว้ารางวัลสูงสุดจาก เทศกาลหนังเบอร์ลิน 2001 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนต์การ์ตูนยอดเยี่ยมในปี 2003 ซึ่งถือเป็น เหตุการณ์พลิกล๊อกครั้งหนึ่งในเวทีนี้เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ดูในตอนนั้น
กำกับและเขียนบทจากเรื่องของมิยาซากิเอง(แต่ไม่ได้เขียนสตอรีบอร์ดเหมือนเรื่องก่อนๆแล้ว) ปัจจุบันครองตำแหน่ง หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น(แชมป์เก่าคือ Titanic)



The Cat Returns(2002)


เรื่องของแมวสองตัว มุตะและ บารอน ทั้งคู่ต้องเดินทางไปช่วยเด็กหญิงวัยรุ่นที่ขาดความมั่นใจชื่อ ฮารุ ซึ่งหลงไปอยู่ใน อาณาจักรแห่งแมวโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผลงานกำกับโดย ฮิโรยูกิ โมริตะ เรื่องนี้เหมือนเป็นภาคต่อกลายๆของเรื่อง Whisper of the Heart โดยมีตัวละคร แมวอ้วน บูตะ และแมวมาดสุภาพบุรุษ บารอน เชื่อมระหว่างสองเรื่องนี้ไว้ the Cats Return ออกฉายในปี 2002 และถึงจะไม่ได้ทำรายได้ถล่มทลาย แต่ผลงานการ์ตูนที่ดูสบายๆเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆของ สตูดิโอ Ghibli ผิดหวังแต่อย่างใด

Howl's Moving Castle (2004)

เป็นผลงานที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเรื่องเดียวกันสำหรับเด็กแนวแฟนตาซี เขียนโดยนักเขียนชาวอังกฤษ ไดแอนา ไวนน์ โจนส์ตีพิมพ์ครั้งแรกนปี1986 ในตอนแรก มาโมรุ โฮโซดะ (Mamoru Hosoda) ผู้กำกับดิจิมอนในภาคที่ฉายทางทีวีและในภาพยนตร์ ได้รับการคัดเลือกให้มากำกับภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องนี้ แต่ภายหลังได้ออกจากการเข้าร่วมโปรเจคนี้ และมิยาซากิได้เข้ามารับหน้าที่แทน

Howl's Moving Castle เป็นเรื่องราวของ โซฟี เด็กสาวที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นหญิงชรา เพราะไปทำให้แม่มดโกรธ โซฟีเลยต้องออกจากบ้าน และได้ไปเป็นแม่บ้านในปราสาทเคลื่อนที่ของพ่อมดฮาวล์ ผู้ซึ่งถูกร่ำลือว่าชอบสะสมหัวใจของเด็กผู้หญิง แต่หารู้ไม่ว่า พ่อมดฮาวล์เป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็เป็นคนเจ้าชู้ และชอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับตัวเองในแง่ลบ เพื่อความเป็นส่วนตัวของตัวเองโดยป้องกันไม่ให้ผู้คนมาให้ความสนใจมากนัก ในขณะเดียวกัน โซฟีก็ต้องพยายามหาหนทางที่จะทำให้เธอกลับไปเป็นร่างเดิม

Tales from Earthsea(2006)

เป็นอนิเมที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Earthsea โดยในเรื่องนี้ โกโร่ มิยาซากิ ลูกชายของเขารับหน้าที่กำกับแทน

โดยเป็นเรื่องของอาณาจักรแห่งหนึ่งที่กำลังเสื่อมลง ผู้คนต่างอยู่กันอย่างหวาดกลัว ระแวง ที่แปลกไปกว่านั้น ผู้คนได้เห็นกับมังกรซึ่งมันไม่ควรจะมาโผล่ในโลกของมนุษย์ พ่อมดหนุ่มพเนจรนาม Ged จะต้องตามหาต้นตอของเรื่องที่ทำให้อาณาจักรแห่งนี้ย่ำแย่สุดขีด


 
free hit counter javascript